ReadyPlanet.com


กลโกงการสาธิต อาหารเสริมAmway


อะเซโรล่า กับ active8

เริ่มต้นการทดลอง

เธอเอาบิกเกอร์ ปิเปต สารละลายไอโอดีนมาวาง

ป้าดติโธ่...

เธอเอาข้าวสารใส่ในบิกเกอร์ ใส่น้ำเปล่า แล้วหยดไอโอดีนลงไป
โอ๊ว อัศจรรย์อะไรอย่างนั้น ข้าวสารกลายเป็นสีน้ำเงินอมม่วงไปแล้ว

ดูสิกินกันเข้าไป สารพิษเข้าไปสะสมในร่างกายแล้วเห็นไม๊น่ะ
เธอพูด

ว่าแล้วเธอก็ควัก อะเซโรล่า กับ active8 ออกมาค่ะ เอาช้อนเล็กๆ ตักผง
ออกมานิดหน่อย แล้วก็คนๆๆ บิกเกอร์

ดูสิ อะเซโรล่า กับ active8 มหัศจรรย์ม่ะ
ทำให้ขาวสารกลับมาขาวปิ๊งได้เหมือนเดิม เห็นไม๊ๆๆ มันล้างพิษอ่ะ
เอ๊า เห็นละ ก็ซื้อกินกันซะสิ ถ้าไม่ซื้อเพราะไม่มีตังค์ก็ไม่ได้นะ
เพราะชีวิตน่ะสำคัญกว่าเงิน เง้อ...

ในความเป็นจริง นี่เป็นวิทยาศาสตร์ที่เด็ก ม.2 เค้าเรียนกันนะคะ


น้ำแป้ง+สารละลายไอโอดีน น้ำแป้งจะกลายเป็นสีน้ำเงินอมม่วง

หรือน้ำเงินเข้ม 

(ข้าวเป็นแป้ง +เมื่อถูกไอโอดีนก็จะกลายเป็นสีน้ำเงินเข้ม หรือน้ำเงินอมม่วง)


อันนี้ ทุกคนทราบๆ กันดีอยู่แล้ว

แล้วถ้าเกิดเราอยากทดสอบวิตามินซีล่ะ


ไม่ยากค่ะ เอาน้ำแป้งสีน้ำเงินอมม่วงที่ได้มาหยดวิตามินซีลงไป


มันจะกลับมาเป็นสีขาวเหมือนเดิม ยิ่งถ้าวิตามินซีเข้มข้น ไม่กี่หยดก็ขาวจั๊วะ

ไม่จำเป็นจะต้องซื้อวิตามินซีราคาเป็นพันเลย?
จริงอยู่ที่ อะเซโรล่า เป็นผลไม้ที่มีวิตามินซีสูงเว่อร์ มีสารต้านอนุมูลอิสระ
แต่ร่างกายเราก็ไม่ได้ต้องการวิตามินซีเยอะเทพขนาดนั้น อีกอย่างวิตามินซี
ก็สลายตัวเร็วมากกกก.
. แล้วผลไม้ถูกๆ หรือผักอีกหลายชนิดที่ราคาไม่แพง
และต้านอนุมูลอิสระได้เช่นเดียวกัน แล้วจะจ่ายแพงกว่าเพื่อ?





ผู้ตั้งกระทู้ หลักการวิทยาศาสร์ :: วันที่ลงประกาศ 2009-07-14 15:20:16


<< ก่อนหน้า 1 [2] 3 4 5 6 7 ถัดไป >>

ความคิดเห็นที่ 51 (1404473)

แอมเวย์ เค้าจดทะเบียน bio C plus กับ nat Bเป็นยาโว้ย

ผู้แสดงความคิดเห็น 007 วันที่ตอบ 2011-01-18 13:06:47


ความคิดเห็นที่ 52 (1404637)

วัน วัน นึง มึงแดกครบมั้ย 5 หมู่ ที่ร่างกายต้องการ     วิตามินซี วันๆนึง มึงแดกอะไร       ส้ม 1 โลยังไม่พอเลย ควายจริงๆตั้งกระทู้มา

ผู้แสดงความคิดเห็น ตั้งมาได้ วันที่ตอบ 2011-01-20 04:07:02


ความคิดเห็นที่ 53 (1404965)

คห.4 ด่างทับทิมเขาวิจัย ห้ามล้างผักเพราะมีสารตกค้าง เป็นสารก่อมะเร็ง  พวกโชว์โง่ทั้งหลาย พูดไป พวกมันคงไม่เข้าใจหรอกคะ คนคิดดีทำดี ทำธุรกิจแล้วรวย ช่วยเหลือผู้อื่น มีความสุขมากกว่า อย่ามาเสียเวลากับได้พวกนี้เลย   สงสัยจะโง่ได้โล่ มั๊งง....... ไอ้พวกเกลียดพวกขายตรงน่ะ ชีวิตเอ็งรวยหรือยังดีขึ้นหรือยัง ถ้ารวยมีเบนต์ขับค่อยมาพูด   อาหารเสริมแอมเวย์ เป็นภูมิแพ้ต้องพ่นยาทรมารมากในฤดูหนาวแพ้กุ้ง คุณเชื่อไหมเชลล์เราดีทุกอย่างก็ดีปีกว่าแล้วไม่ต้องกินยาไม่ต้องใช้ยาพ่น เราคลอด ผ่าตัดปะแก้วหูทะลุ เรากินแทนข้าว เลย ไม่นึกหิวเลย 3 วัน เพราะไม่สามารถทานข้าวได้ จึงอัด 3 เวลาแทนข้าว ปรากฎว่าไม่หิวเลย เพราะเชลล์ในร่างกายกว่า60ล้่นล้านเชลล์ได้อาหารครบเพียงพอต่ีอความต้องการจึงทำให้ไม่หิวคะ ที่สำคัญ แผลผ่าตัดหายเร็วมาก  ไม่เชื่อโทรมา 089-5531399 ใช้ได้ผลจริงเลยกล้ามาพูดในวันนี้

ผู้แสดงความคิดเห็น ขวัญ (singtothong_-at-hotmail-dot-com)วันที่ตอบ 2011-01-23 13:08:29


ความคิดเห็นที่ 54 (1405000)

อาหารเสริมของเเอมเวย์  ได้ัรับการพิสูด จากหลายประเทศทั่วโลกเเล้ว  หลายประเทศยอมรับ

   ว่าเป็นอาหารเสริมที่ดีที่สุด เพราะเลือก สิ่งที่ดีที่สุดจากธรรมชาติมาสกัดเข้มข้น 

 ผมกินอยู่เกือบทุกตัวเลย นอนดึกตื่นมาก็ชดชื่น

ผู้แสดงความคิดเห็น เเอมเวย์ วันที่ตอบ 2011-01-23 21:45:08


ความคิดเห็นที่ 55 (1405204)

เฮ้ย.......จะมาเถียงกันทำไมเนี้ยค่ะ  ใครอยากกินไรก็กิน มันดีทุกอย่างนะแหละ กินทั้งผัก ผลไม้ ทั้งอาหารเสริม บำรุงทุกอย่าง เพื่อตัวเราเอง  เราเองยังอยากกินหลายๆ ตัวเลย แต่มีงบจำกัด ไม่ได้ทำงาน

ผู้แสดงความคิดเห็น YUPINKJIN วันที่ตอบ 2011-01-25 14:34:00


ความคิดเห็นที่ 56 (1405549)

โถต่างคน ต่างความคิด..

ชีวิตไม่เที่ยง แต่อย่าเอาไปเสี่ยงก็แล้วกัน..

กำลังอยู่ในช่วงตัดสินใจ ว่าจะเป็นหุ้นส่วนกับแอมเวย์ดีหรือเปล่า

พออ่านความคิดเห็นเพื่อนๆแล้ว ทำให้ต้องตัดสินใจเลย ว่า......โอเค

ลองทำดู....ก็ไม่เสียหาย...ขายไม่ได้ก็ไม่โดนไล่ออก / ไม่มีตังค์ซื้อเค้าก็ไม่ได้มาด่าให้เสียหาย

ลองกินดู....ก็ไม่เห็นเป็นไร ...กินแล้วสุขภาพดีตลอดไปก็ยอมนะ ( ดีกว่าไปนอนกระเดือกยา/ยอดข้าวต้มในโรงบาลอ่ะ )

ไม่มีใครคาดเดาได้ว่า วันนี้/พรุ่งนี้ เราจะเป็นโรคอะไร หรือใกล้จะเป็นอะไร

ใครทำอะไร เค้าก็หวังให้มันเห็นผลทั้งนั้นแหล่ะ

คุณหมอน่ะเค้าอุตส่าห์เรียนมา เพื่อมารักษาและประคับประคองชีวิตเรา (เพื่อเอาสตังค์) ล้อเล่นเรื่องจริงอ่ะ

ส่วนแอมเวย์น่ะ เค้าก็ทำอาหารเสริมเพื่อมาป้องกันและเสริมคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับคุณ

อาหารเสริมแต่ละชนิดก็เสริมสร้างส่วนนั้น  ซ่อมแซมส่วนนี้  เข้าไปจัดการส่วนโน้น  

ส่วนคุณหมอกับยารักษาโรค

หากคุณรู้สึกไม่สบาย ตัวร้อน เจ็บคอ มีน้ำมูก เหมือนจะเป็นหวัดมั๊ง หาหมอซิ

หมอจับอ้าปากส่องไฟ  ใส่หูฟัง ให้สูดลมหายใจลึกๆ

ลงความเห็นว่าไม่สบายหลอดลมอักเสบ ไอ มีน้ำมูก กินน้ำเยอะๆ พักผ่อนเยอะๆ

นี่ยาพารา (แก้ไข ตัวร้อน)

นี่ยาฆ่าเชื้อ (ต้องกินให้หมดนะ)

นี่ยาลดน้ำมูก (จะได้ไม่คัดจมูก-โล่งจมูก)

นี่ยาแก้ไอ (ยาอาจง่วง พอง่วงก็เลยไม่รู้ว่าไอเปล่า) เรายังต้องยอมกินยาตามหมอสั่งเลย

ถามหมอก็ไม่ได้ ใครผลิต แหล่งที่มา ใช้วัตถุดิบหรือตัวยาอะไร (หมอก็ไม่รู้หรอก) 

นั่นแหล่ะนานาจิตตังเน๊อะ

" กินอาหารเสริมแล้วเป็นทุกข์จัง ควรเก็บตังค์ไว้นอนรักษาตัว "

" อย่าทุกข์เมื่อไม่มีตังค์ กินอาหารเสริมแล้วมีพลัง มีทั้งตังค์ มีทั้งสุข " 

ผู้แสดงความคิดเห็น คนอยากมีสุขภาพดี วันที่ตอบ 2011-01-28 16:45:14


ความคิดเห็นที่ 57 (1405778)

อย่าทะเลาะกันเลย ไม่ต้องรักกันขนาดนั้น

รู้อยู่ว่าเป็นห่วงสุขภาพกัน เอาเป็นว่ากินไม่กินก็ได้

 ไม่กินก็อย่าไปว่าเค้า

คนกินก็ไม่ต้องไปเถียงคนไม่กิน เพราะเค้าไม่รู้จริง

แต่ผมกินเพราะว่ามันดีจริงๆ ไม่ต้องใช้ไอโอดีนทดสอบหรอก

กินดูถ้าดีก็กินไม่ดีก็คืน ของแอมเวย์รับประกันอยู่แล้ว

เงินเดือนผม5000 ผมยังกินเลย กินเพื่อสุขภาพและpv

 

ผู้แสดงความคิดเห็น japanX (pach_phai-at-hotmail-dot-com)วันที่ตอบ 2011-01-31 13:04:45


ความคิดเห็นที่ 58 (1406533)

เราก็กินอยู่นะ ถือว่าของเค้าดีจิง ไม่ใช่ว่าไม่ต้องกินผักผลไม้เลย แต่ว่าทุกอย่างที่เรากินทุกวันนี้มีแต่สารพิษ การกินอาหารเสริมก็เป็นการช่วยเพิ่มเติมสารอาหารที่เรากินลงไป ไม่มีใครรู้หรอกว่าเรากินครบรึยัง ฉะนั้นเราก็เลือกกินเพื่อเสริมที่ขาดไป อีกอย่างไม่ต้องกลัวว่าไตจะทำงานหนัก เพราะมันเป็นอาหารเสริม ไม่ใช่ยา ส่วนการทดลองมันเป็นการแสดงให้เห็นการทำงาน อย่าไปคิดมากคะ เปิดใจลองดูก็ดีนะ กินของบริษัทอื่นก็ได้ แต่ต้องแน่ใจว่าของเขาปลอดสารเคมีจิง และมีใบรับรอง ที่เราเลือกนิวทรีไลน์ เพราะเราเห็นถึงคุณภาพ และการรับประกัน เราเลยลอง แล้วมันก็ดีจิงๆ (บางครั้งการออกมาจากกะลาก็ทำให้เราฉลาดขึ้นนะคะ)

ผู้แสดงความคิดเห็น Eiei วันที่ตอบ 2011-02-08 20:25:54


ความคิดเห็นที่ 59 (1406956)

เป็นกำลังใจให้ความเห็นที่ 40 คะ

ขอบคุณนะคะ สำหรับคำอธิบาย ได้ความรู้เยอะขึ้นมากเลยคะ

จะได้ให้คนที่เขาไม่รู้จริง ได้ทราบข้อมูลอีกด้านหนึ่งคะ

แต่สำหรับบางคน ฟังยังไงเขาคงไม่เข้าใจหรอกคะ

เพราะเขาเป็นพวกบัวใต้น้ำคะ

เสียเวลาอธิบายเปล่าๆคะ

ผู้แสดงความคิดเห็น น้ำ (num-dot-jung-at-hotmail-dot-com)วันที่ตอบ 2011-02-13 19:51:18


ความคิดเห็นที่ 60 (1407297)

แอมเวย์บอกตรงๆบริษัทเค้าไม่ได้ให้ไปดื้อ ไม่ได้ไป หลอกลวง ไม่ได้บอกให้ไปโกหกใคร สินค้าเขาทำมาให้ใช้ไม่ได้เอามาให้ขาย ไอ่ที่ไม่ดีนะคือคน ยกตัวอย่างยาสีฟันครอเซ็นเตอร์ ราคา 40บาท/หลอด ใข้ได้เดือนครึ่งต่อคน  1ปีใช้11หลอดคิดเป็นเงิน440บาท/ปี  ยาสีฟันแอมเวย์1 หลอดราคา196 ใช้ปีละ2หลอด/คนคิดเป็นเงิน392บาท/ปี น้ำยาล้างจานดิชดรอปส์1ลิตรผสมได้8500ccราคา304บาทได้17ขวด/ปีน้ำยาชันไดชนิดเติม40บาท600cc 1ปีใช้9ถุง5400cc ราคา360 บาท(สินค้าในท้องตลาดราคาจะมากกว่านี้หรือป่าวก็ไม่รู้)นี่คือความจริงผมเปลี่ยนที่ซื้อสินค้าจาก7/11 แมกโคร โลตัส บิ๊กซี  แล้วมาซื้อจากแอมเวช็อบ(สินค้าที่แอมเวย์ไม่มีก็ไปซื้อที่ห้างหรือร้านพวกนั้นละ)ซื้อของแล้วแอมเวย์ปันผลให้ทุกเดือนอีกต่างหาก(จ้าซื้อส่วนตัวแล้วกันยอดกล่มของเราที่ทำการตลาดไว้เอง) ก็ได้ส่วนลดมากขึ้น แต่อีกด้านหนึ่งผมก็เดินไปซื้อจาก 7/11 แมกโครโลตัส บิกซี เค้าได้กำไลไป60%เต็มๆโดนไม่แบ่งให้ผมเลยหรืออาจจะแบ่ง1ปีครั้งแต่วันที่แบ่งนั้นผมอาจไม่ว่างเค้าเลยให้แต่คนที่ไปวันนั้นเราไปซื้อเค้าก็ไม่เห็นมาชวนให้ร่วมหุ้นสักทีเลยซื้อมาตั้งหลายปีแล้วนะเนี่ยแต่แมเวย์ชวนมาทำการตลาดคือมาเป็น บิ๊กซี โลตัส 7/11 ซะเองแล้วเอาส่วนแบ่งที่ห้างหรือร้านพวกนั้นได้มาให้เราดีใหม คุณว่าดีใหมคับปี1ลดรายจ่ายได้เยอะเลยแถมยังมีราได้เพิ่มอีก

ผมก็ไปศึกษาธุรกิจเครื่อข่ายมากปีจากการศึกษาธุรกิจหลายๆตัวแล้วกลับไปคิดศึกษาแล้วคิดจนเวลาผ่านไป1ปีผมก็เข้าใจแบบกระจ่างเลยตัดสินใจสมัคร

การทำงานของผมคือเอาเรื่องดีๆที่ผมได้จากแอมเวย์ไปบอกต่อและเปิดโอกาสให้ผู้คน ทำด้วยใจ ไม่ได้ไปหลอกลวงใคร

ใครคิดได้ก็เอา ใครคิดไม่ได้ก็ลองไปคิดให้ดี

ทำงานสนุกครับ  ได้ใจคนเยอะแยะเลย ทั้งคนที่ทำ และไม่ทำ คนที่ใช้และไม่ใช้ อิ่มใจอิ่มบุญ ครับ

ถ้าใครอยากสำเร็จกับธุรกิจทุกอย่าง ทั้งเป็นนายจ้าง ลูกจ้าง หรือเจ้านายตัวเอง

สามารถมาคุยกับผมได้

ถ้าอยากสำเร็จต้อวิ่งเข้าหาผู้สำเร็จ  ต้อง ขยัน อดทน และทำให้ถูกวิธี อย่าไปหลอกลวงคนอืน ทำด้วยใจ สิ่งนี้จำเป็นทุกงานคุณว่าจริงใหม

แลกเปลี่ยนความรู้ความคิดกันได้ เพราะผมก็อยากสำเร็จ ผมจึงตั้งใจ   ไม่เกี่ยงว่าคุณจะทำอาชีพอะไร  หรือทำของอะไร

เมลมาคุยกันได้คับ หรืออยากโทรคุย ไปเอาเบอที่เมลล์คับ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น นักธุรกิจอิสระ (bird-1010-at-hotmail-dot-com)วันที่ตอบ 2011-02-17 14:54:03


ความคิดเห็นที่ 61 (1409007)

 

เราเชื่อถือ ในแอมเวย์นะ มันเปิดมานานมากละจิงๆ เราก็ทำแอมเวย์อยู่
ถ้าเทียบกับหลายๆบริษัท ขายตรง เราว่าแอมเวย์ เชื่อถือได้ 100เปอเซ็น
 

การที่จะให้คนรวยเลิกใช้เงิน ก็ไม่ได้ทำให้คนจนรวยขึ้นมา
แต่อยู่ที่ว่าคนจนจะหยิบโอกาส นั้นสร้างรายได้หรือไม่
คนไม่ทำก็จะได้แต่พูด ไม่ได้พบเจอความเป็นจริง
ฮาๆ ยังไงก็เปิดใจกันมั้งนะ ไม่มีอะไรเลวร้าย ถ้าเราฟังแล้วใช้สติคิดเอง ตัดสินเอง ไม่มีใครมาบังคับเราได้

ผู้แสดงความคิดเห็น แวะมา วันที่ตอบ 2011-03-08 03:01:25


ความคิดเห็นที่ 62 (1409069)

ถึงที่คคที่เข้ามาว่าแอมเวย์........คุณทำแอมเวไม่สำเร็จก็อย่ามาพาต

ผู้แสดงความคิดเห็น ใช้จริงรวยจริง วันที่ตอบ 2011-03-08 18:58:15


ความคิดเห็นที่ 63 (1409215)

มะให้ขาย ตรง แล้วจะให้ขาย อ้อมๆๆ หรอจ๊ะ หรือจะให้หลอกขาย 555 เอาน่า กินก็ดี มะกินก็มะเป็นรัย ซื้อก็ดี มะซื้อก็อย่าปากดี  อย่าเชื่อในส่งที่คุณได้ยิน ถ้าอยากรู้ว่า มันดีหรือไม่ดี ต้องลองด้วยตัวเอง  สิ่งศักดิ์สิทธ์ มีจริง

ผู้แสดงความคิดเห็น กลาง วันที่ตอบ 2011-03-10 14:32:08


ความคิดเห็นที่ 64 (1409904)

รักกันไว้นะคนไทย

ผู้แสดงความคิดเห็น หน่วยสอดแนม วันที่ตอบ 2011-03-19 11:13:46


ความคิดเห็นที่ 65 (1409914)

ถ้าเป็นไปได้แอมเวย์ควรมาตั้งโรงงานและใช้วัตถุดิบของไทยผลิตนะครับ(คนไทยจะได้บริโภคได้นานๆ) เพราะอาหารเสริมหลายตัวใช้วัตถุดิบธรรมดาที่ปลูกได้ในเมืองไทย เคยไปฟังแผน(นานแล้วครับ สมัยเรียนจบใหม่ๆ)ไม่สบายใจเวลาพรีเซ็นพวกอาหารเสริมว่าใช้สมุนไพร,พืชที่ปลูกที่ต่างประเทศ (มันทำให้ดูหรูมั้ง)   .... อย่างน้อยจะช่วยให้เงินหมุนเวียนในประเทศมากขึ้น  ไม่ขาดดุลการค้ามากไปกว่านี้  ยิ่งแอมเวย์โตขึ้นๆๆ(ไม่ได้ซื้อกินครับ) เหมือนคนไทยเราต้องซื้อกระเทียมซื้อผักจากญี่ปุ่นจากออสเตรเลียกินหรือนี่...จะไอโซไปไหนหว่า..

อย่ากินเพราะเห็นวัตถุดิบมาจากนอกแล้วจะทำให้ตัวเองดูดีนะครับ..  ขอร้อง.. ถ้ากินเสริมแล้ว  สบายใจ สบายตังค์ในกระเป๋า สุขภาพโอเค ก็ดีใจด้วยครับ

ยอดขายทั้งบริษัทฯหมื่นกว่าล้านต่อปี หักคอมมิชชั่น+ค่าดำเนินการคืนให้คนไทย40-60% ส่วนที่เหลือส่งไปเมืองนอกเพราะมันคือค่าสินค้ายังไม่นับกำไรที่ส่งกลับประเทศผู้ถือหุ้น ตั้งมา 50 ปี เป็นเงินเท่าไหร่ เทียบกับการแปรรูป ปตท.ได้หรือไม่

สงสารชาวนาตากแดดหน้าดำหน้าแดงปลูกข้าวกว่าจะเก็บเกี่ยวจะส่งไปขายเอาเงินกลับคืนมาบ้าง ก็ไม่กี่บาท ยังไม่นับภาวะขาดดุลการค้าอื่นที่จำเป็นในการพัฒนาประเทศ เห็นแล้วกลุ้ม ถ้าเงินหมดประเทศวันไหน เราคงรู้สึก แล้วอย่าคิดว่าไม่หมดนะครับ ประเทศเราไม่มีสมบัติใต้ดินเหมือนตะวันออกกลางหรืออัฟริกานะครับ ที่เรามีคือสมบัติบนดินคือความอุดมสมบูรณ์ พืชพรรณธัญญาหาร ซึ่งต้องลงมือทำ ลงมือเพาะปลูก และต้องพัฒนาต้องทำให้เกิดมูลค่าทางเศรฐกิจให้มากที่สุด ไม่ใช่เออออกับของต่างประเทศ

ที่เขียนไม่ได้มาโจมตีแอมเวยนะครับ แต่ผมยอมรับว่าไม่ชอบการนำเสนอธุรกิจของแอมเวย์(อย่างเช่น พยายามพรีเซนว่าเป็นของต่างประเทศ ใช้แล้วดูดี+ถ้าคุณทำสำเร็จแล้วได้เทียวต่างประเทศ..ขาดดุลการค้าทั้งนั้น)แต่สินค้าบางของเขาผมก็ใช้ฝากซื้อที่เพื่อนเพราะบางตัวไม่มีสินค้าเทียบเคียง + คนไทยผลิตไม่ได้ + สินค้าเค้าดีที่สุดในตลาด(สินค้าต่างประเทศด้วยกัน) ... เพียงแต่อยากนำเสนอความคิดหรือมุมมองอีกด้านนึงให้คุณๆได้กลับไปมองบ้าง

ถ้าเงินเราหมดประเทศ เงินบาทไร้ค่าแล้วจะเกิดอะไรขึ้น ทุกวันนี้เกือบๆจะให้ต่างชาติมาถือครองที่ดินเราแล้วนะครับ แน่ใจเหรอว่าพวกคุณพร้อมที่จะต่อสู้กับอำนาจเงินของต่างชาติ (บางคนบอกไม่กลัวเพราะมีเบนซ์ขับแล้ว...ถุยชีวิต) นั่นมันรุ่นของคุณและคุณก็รักษาได้แค่บริเวณบ้านคุณแต่ถ้าคุณคิดจะใช้ชีวิตอยู่แค่นั้นก็แล้วแต่คุณ หวังว่าคงไม่ต้องถูกคนรุ่นลูกรุ่นหลานคนไทยมันมาเผาพริกเผาเกลือสาปแช่งบรรพบรุษรุ่นนี้ ก่อนหน้านี้ว่ามันห่วย ไมรู้จักคิด ทำให้ประเทศล่มจม ทำให้มันไม่มีแผ่นดินจะอยู่(อยู่อย่างมีศักดิ์ในความเป็นเจ้าของประเทศ)  หรืออยู่แบบเป็นขี้ข้าของต่างชาติ(ทั้งที่อยู่ในเป็นประเทศเราเอง)นะครับ

จริงๆแล้วประเทศไทยถูกมองว่าจะตัวเก็งในการพัฒนาการไปสู่  สถานะของ  ..อาร์เจนตินา   มานานแล้ว เพราะเราได้แปรรูปรัฐวิสาหกิจบางส่วนไปแล้วเนี่ยไม่ใช่เรื่องสนุกนะครับ เป็นเรื่องเงิน รักษางบประมาณ ระดมเงินทุน ของรัฐบาลล้วนๆแสดงให้เห็นว่า รัฐบาลเราจนปัญญารักษาเอาไว้ให้ลูกหลาน ได้กินได้ใช้ในราคาหุ้นส่วนหรือเจ้าของประเทศ ในขณะที่เราต้องละอายบรรพบุรุษว่าเค้าสร้าง สะสม เก็บเล็กผสมน้อยจนมีมูลค่านับแสนนับล้านล้านบาท มาถึงรุ่นเราจับขายจับแปรรูปเอามาแย่งกันคอร์รับชั่น แย่งกันกินสินค้าต่างประเทศให้มันขาดดุลการค้าเล่นๆ ....ถ้าแปรรูปและขายหมดแล้ว   ก็ถึงคิวที่ดิน ถนน สะพาน ถึงตอนนั้น เราคงตายกันหมดแล้วแหละครับ รอรับคำสาปแช่งจากลูกหลานในนรกอย่างเดียวพอ....

ข้อมูลเพิ่มเติม

1.ผมอายุ33ครับเรียบจบตรีอายุ20ทำงานมาแล้ว10ปี+ ปัจจุบันทำงานบริษัทตำแหน่งพอสมควร เงินเดือน70,000+(เจ็ดหมื่นกว่า)เป็นกรรมการ(เจ้าของ)บริษัทธุรกิจส่วนตัวนิดหน่อยอีก2บริษัท ประวัติเป็นลูกชาวนา พ่อแม่ไม่มีเงินส่งเรียนกู้เงินเรียน(อย่างตั้งใจ)จบและใช้คืนหมดแล้ว เพราะฉะนั้นอย่ามาแขวะผม ว่าไม่มีเงินซื้อกินหรือทำแล้วไม่สำเร็จและมีตังค์เทียว เพราะผมตั้งใจไม่สมัครและไม่สนใจร่วมสังฆกรรมตั้งแต่การนำเสนอธุรกิจแล้ว ถูกหลอกไปแต่ก็อยู่ฟังจนจบอย่างตั้งใจ ต่อให้สำเร็จแล้วมีเบนซ์ขับผมก็ไม่สนหรอกครับเพราะสงสารลูกหลาน ทุกวันนี้มีบ้านมีรถมีเงินเลี้ยงดูพ่อแม่ทุกเดือน ก็ไม่ได้ขี้แหล่อะไร ผมทำงานกลับบ้าน4ทุ่มทุกวัน วันหยุดไม่เคยมีเพราะเป็นเจ้าของต้องทำทุกวันก็ไม่เคยเกี่ยง  เรื่องสุขภาพผมก็กินอาหารเสริมเหมือนกัน แต่ไม่เกี่ยงเรื่องยี่ห้อ แต่เอาราคาสมเหตุสมผล แต่หลักสำคัญคือสุขภาพที่ดีต้องออกกำลังกาย ถ้าจะมาบอกว่าไม่กินนี่นั่นโน่นแล้วแปลว่าไม่รักสุขภาพก็อย่าเลยครับเช่นกันครับ ผมเล่นเวทที่บ้านตอน 4ทุ่มครึ่งถึงห้าทุ่มครึ่งวันละ1ชม.สุขภาพแข็งแรงดี

**ย้ำไม่ได้มาโอ้อวด แค่มาบ่นเฉยๆ เวลาได้ยินพวกชอบคุยโม้โอ้อวดกันเรื่องไปเทียวเมืองนอก ใช้ของนอกแล้วเท่  ฟังแล้วรู้สึกแย่ หดหู่ สงสารประเทศที่มีคนแบบนี้อยู่ครับ(มันเป็นเสี้ยนหนามแผ่นดิน)

 

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น คนที่เริ่มจากศูนย์เหมือนกัน (wt_p1978-at-yahoo-dot-com)วันที่ตอบ 2011-03-19 12:37:27


ความคิดเห็นที่ 66 (1410022)

ถ้ามีแต่ผู้บริโภค ไม่มีผู้ผลิต เราจะอยู่ได้อย่างไร ขอถามหน่อย

ผู้แสดงความคิดเห็น เคยไปฟัง Amway มาแล้ว วันที่ตอบ 2011-03-20 23:01:04


ความคิดเห็นที่ 67 (1410029)

แล้วใช้ข้าวสารเพื่อสาทิตเป็นกระดูก  ทำไมต้องข้เาวสารด้วยอะ   ทำไมต้องไอโอดีนอะ  ทำไมต้องน้ำป่าวอะ   บีบมะนาวเฉยๆๆยังจะขาวกว่าเชอร์รี่หัว  คว_นั้่นอิก    วิตซีของพวกยูหนะสูญสลายตั้งแต่กระบวนการผลิตละ ขนส่ง  เอยความร้อนทั้งนั่น  อย่ามากล่าวอ้างด้วยว่าควบคุมอย่างดี  ละพวกที่ค้างสต๊อกละ  ไม่ผ่านความร้อนเหรอ  วางทิ้งไว้ที่เท้มป์ห้อง   ก็หายไปละ  อย่าคิดเลยว่าวิตซีจะช่วยคุนดีท๊อกได้หมด   รดชาติก็เหมือนกินบัวลอยดิบละลายน้ำป่าว   พวกมึงเจอเศษถั่วเหลืองที่เค้าไม่ไช้แล้วรึป่าววะ  แล้วบอกว่าเป้นโปรตีน   ถ้ากุไม่แดรกนี่จะทำให้ชีวิตกุสั้นลงมั้ยนะ   กะป๋องยังกะนมผงใช้ช้อนตักด้วย  พลาสติกมั้ง  อิดอก ไหนบอกอนุรักธรรมชาติ   กุเห้นพวกเครื่องรางยมทูติอะไรมึง   ซื้อรถมาเก้บไว้เป้นร้อย  ซื้อทำ***อะไร   ทำไมต้องอวดรวย   ทำไมต้องจากธรรมชาติ   ถ้าจากทำมชาตินัก  ก็กระบวนการก้ต้องทำมชาติด้วยดิ  พลาสติกอะใช้ทำไม  เครื่องกรองน้ำก้พลาสติก  ซองบรรจุก้พลาสติก  ไหนบอกว่าคลีนเทค กุเห็นพิมพ์หนังสือเล็มนึงหนาเหมือนสมุดหน้าเหลือง  อิดอก   มีแต่รูบหน้าอิแก่  ไอ้แก่  ใส่เพชรซ้ำๆๆกัน  ผลัดกันใส่   อวดรวย  อวดทำไมวะ  ไมไม่ถ่ายรูบช่วยเหลือเด้กพิการ ไริอย่างนี้วะ   หัวฅวย สมองมีก็คิดได้แค่นี้แงะ  บอกว่าคลีนเทคจริง  อนุรักษณ์ธรรมชาติ  แล้วพวกมึงเคยไปดูโรงงานมันกันเหรอ  มันลดมลพิษมากขนาดไหน  อวดแต่ความดีที่ตัวเองทำ เพื่อสร้างภาพว่าเป้นองกรที่ยิ่งใหญ่  น่าเข้าร่วม  ถามหน่อย  ถ้าแน่จริง  ระบบมึงดีนัก  ถ้าทุกคนบนดลกนี้เป้นนักธุรกิจของมึง  มึงจะอยู่ยังไง   อีคนสุดท้ายจะไปหาดาวน์ไลน์จากไหน  แล้วไครจะผลิตวัตถุดิบให้มึง  กุไม่เชื่อว่าจะสามารถทำงานพร้อมกันได้ระหว่างงานหลักกับงานรอง  ไม่เชื่อว่าทุกคนบนโลกจะแบ่งเวลาได้  แล้วบอกว่าสินค้ามันต้องกินต้องใช้ตลอด  แล้วไหนบอก  หกเดือนซื้อครั้ง  แล้วอิกห้าเดือนไครจะมาซื้ออะ  ไม่เป้นไรไม่ซื้อไม่เป้นไร  ดูก่อน  ไม่บังคับ  ของดีจริง  ใช้ดีเลยบอกต่อ  ไม่บังคับ  แต่ตื้อจะขายให้จนได้  ทำไมต้องตื้อคับ  ไม่เลิกไม่ลา  ทำไมอะคับ  องกรคุนใช้ระบบตื้อเหรอ   ว่างมากเหรอ  มาตื้อทั้งวัน  แล้วงานหลักอะไม่ไปทำละ   มีวิศวกร  นักวิทยาศาสตร์   ดอกเตอร์  อาชีพที่ใฝ่ฝัน  เป็นกันหมดเลย  ตรงนี้ชี้วัดอะไรเหรอคับ  ชี้ว่าอาชีพที่เรียนหนัก  งานยุ่ง  ก็สามารถทำได้  ทำอะไรบ้างคับวันๆๆ  นั่งกระดิกนิ้วรอเงิน   แล้วบอกว่าไม่เป้นลูกโซ่  มันก้ลูกโซ่ดีๆๆนี่เอง  คุนก้รุ้แต่แกล้งโง่  รึโง่จริงหว่ามันก้เป้นลูกโซ่งที่สั้นลงนั้นเอง  กว่าจะถึงระดับที่แยก  จากกัน   ก้นานโข  อะ  โซ่เป้นพวงเลย  ทำนาบนหลังคน   เสวยสุขบนความลำบาก  หลอกตัวเอง  เห้นแก่เงิน  เห้นแก่ตัว   ทำไปทำไมละอนาคต   ทำไมไม่มีความสุขอยุ่กะปัจจุบันและพอเพียง  คนอื่นจะได้ไม่เดือดร้อน   อีควาย

ผู้แสดงความคิดเห็น เพิ่งฟังมา จะอ๊วก เกลียดขายตรงทุกประเภท วันที่ตอบ 2011-03-21 02:47:37


ความคิดเห็นที่ 68 (1411408)

ความเห็นที่ 49  กูสงสัยจัง มึงดูดของเมียมึงไม่พอรืไง จึงจะมาให้คนอื่นมาดูดด้วย ไอ้บ้ากามเอ๊ย

ผู้แสดงความคิดเห็น กูเอง วันที่ตอบ 2011-04-01 02:15:28


ความคิดเห็นที่ 69 (1411461)

โต้ตอบเค้าไม่ได้ แล้วก้อมาด่าว่าคนอื่น   ตัวเองดีแล้วใช่ไหม พิจารณาตัวเองด่วน

ผู้แสดงความคิดเห็น เบื่อคนโง่แต่อวดฉลาด วันที่ตอบ 2011-04-01 15:02:00


ความคิดเห็นที่ 70 (1411563)

ของดี เหมาะสำหรับคนดี มีความคิดดีๆ คนคิดไม่ทำมาหากินดีๆ ก็เอาแต่แถไปข้างๆ คูๆ เวรกรรมมีจริง มีกรรมมาก ก็มีอะไรมาบดบังนัยตา ทำให้คิดเห็นเป็นอีกอย่าง คนมีเจ้ากรรมนายเวรเยอะก็ปล่อยไปก่อน ความฉลาดมีกัีนทุุกคน แต่มาไม่พร้อมกัน บางคนมาตอนวัยเด็ก วียรุ่น แต่บางคนมาตอนวัยชรา หมดกำลังแล้ว ก็จะเจอคำว่า รู้อย่างนี้ทำตั้งนานแล้ว กินตั้งแต่ตอนโน้นแล้วคงไม่เป็นมะเร็งแบบตอนนี้หรอกเนาะ มันสายไปแล้วพ่อคนฉลาดมาช้า รู้จักคิดๆ แบ่งปันชาวบ้าน พ่อแม่พี่น้องตัวเองบ้างนะ

ผู้แสดงความคิดเห็น คนฉลาดมาเร็ว วันที่ตอบ 2011-04-03 01:44:56


ความคิดเห็นที่ 71 (1411886)

อย่าเถียงกันเลยค่ะ....ทุกคนอยากมีสุขภาพดี...ไม่อยากเจ็บตัวเพื่อการรักษา...และทรมานไม่ได้ใช้ชีวิตในการทำงาน เที่ยว อยู่กับบุคคลรอบข้างนานๆ....เงินไม่กี่บาท...ถูกกว่าชีวิตเราเยอะ...กว่าเราจะเกิดมาได้...เปิดใจหาสิ่งดีๆใส่ตัวค่ะ...เปิดใจเป็นกลาง....ถ้าเราใช้ด่างทับทิมเพื่อแช่ผักทาน...สารเคมีในผักน้อยลง...แล้วสารเคมีที่เขาใช้ทำด่งทับทิมละคะ...ไม่เห็นมีใครทดลองให้ดูเลยค่ะ...ของท้องตลาดบางอย่างก็ดี...แอมเวย์บางอย่างก็ดี...แต่สิ่งไหนทานแล้วให้สุขเราดีก็ควรรู้ไว้...ถ้าไม่ดีจริงคงไม่มีใครใช้กันเยอะ...ลองดูนะคะ...ชีวิตของทุกคนราคาแพงหรือถูกกว่าเงินไม่กี่ร้อยกี่พันหรือปล่าว...^^

ผู้แสดงความคิดเห็น หวังดีกับตัวเอง..และผู้ที่รักสุขภาพนะคะ วันที่ตอบ 2011-04-06 12:06:13


ความคิดเห็นที่ 72 (1411915)

การทานอาหารเสริมเค้าให้ทานเพื่อป้องกันโรคนะคะ เค้าไม่ได้ทานเพื่อรักษาโรคหรือไม่ได้ให้ทานแทนข้าวแต่อย่างใด แต่ที่บอกว่าคนสมัยก่อนก็ไม่เห็นต้องกินอาหารเสริมเนี่ยก็จริงค่ะแต่ว่าคุณต้องเข้าใจด้วยนะว่าสภาพแวดล้อมของเราในปัจจุบันกับสภาพแวดล้อมสมัยแต่ก่อนมันก็ไม่ได้เหมือนกันนะคะ เมือก่อนผักตามรั้วเราเก็บกินกันแค่ล้างให้ฝุ่นที่จับออกเราก็ทานได้แต่เดี๋ยวนี้ลองคุณเก็บทานดูสิ สารเคมีทั้งนั้น  คุณอยากเก็บเงินที่หามาได้ซื้ออาหารเสริมเพื่อบำรุงตัวเองแล้วใช้ชีวิตบั้นปลายอย่างมีความสุข หรืออยากเอาเงินที่หามาได้เก็บไว้รักษาตัวเองที่โรงพยาบาลดีล่ะคะ

อาหารเสริมของแอมเวย์มีหลายตัวค่ะ สนใจสอบถามได้นะคะ y2k-dd@hotmail.com

 

ผู้แสดงความคิดเห็น คนทานอาหารเสรืมAmway วันที่ตอบ 2011-04-06 15:02:21


ความคิดเห็นที่ 73 (1411919)

คุณ คห ที่ 67 การที่คุณไม่ชอบธุรกิจขายตรงคุณก็แค่ไม่ทำก็แค่นั้นไม่จำเป็นจะต้องมานั่งด่านั่งว่าคนนั้นโง่คนนี้เป็นควาย ถ้าคุณคิดว่าคุณฉลาดมากพอคุณก็ทำงานประจำปล่อยให้เจ้านายคุณชี้หน้าด่าต่อไปก็ไม่มีใครไปว่าให้คุณนี่ แล้วที่เค้าบอกว่าวิศวกร หมอ หรืออะไรก็มาทำ มันก็เป็นจริงอย่างที่เค้าว่าจริง ถ้าคุณไม่รู้ก็อย่าออกมาพูดเลยค่ะ มันน่าอายนะ  แล้วที่บอกว่าเห็นแก่เงินขอถามหน่อยทุกวันนี้คุณทำงานเพื่ออะไรคะ หรือทำเอาบุญงั้นคุณก็เอาเงินนั้นมาให้ฉันก็ได้นะ ถ้าคุณไม่เอาเงินน่ะ  ที่บอกว่าเค้าโง่ เค้าเป็นควาย แต่อย่างน้อยเค้าก็ไม่ออกมาพูดจาหยาบๆเหมือนคุณหรอก คุณคนฉลาด                       

        ถ้าบอกว่ามันเป็นลูกโช่คุณเคยฟังแผนธุรกิจของเขาหรือยัง เค้าไม่ได้เติบโตแค่คนข้างบนซะที่ไหน เค้าต้องช่วยกันตั้งแต่ข้างล่างขึ้นไปลองไปฟังมาใหม่นะแล้วค่อยพิจารณาใหม่ หรือถ้าคิดยังไงคนมาก่อนก็ได้เปรียบ คนเรายอมให้คนอื่นได้บ้างก็ดีนะถ้าได้แล้วเราก็ได้ด้วย ถ้าคุณกลัวคนอื่นได้ดีคุณก็ไม่ต้องกินข้าวสิ คนขายข้าวก็ได้จะไม่ต้องได้เงินจากคุณ คุณไม่ต้องใส่เสื้อผ้าสิ คนขายเสื้อผ้าจะได้ไม่ต้องได้เงินจากคุณนะคะ

ช่วยใช้ความฉลาดให้เป็นประโยชน์ต่อตนเองหรือต่อสังคมบ้างนะ

ผู้แสดงความคิดเห็น คนโง่ วันที่ตอบ 2011-04-06 15:25:01


ความคิดเห็นที่ 74 (1411920)

คุณความคิดเห็นที่ 65 ตอนนี้นะแอมเวย์เค้าต้องการคนที่มีเนื้อที่มากกว่า 100 ไร่ขึ้นไปนะ(ถ้าจำไม่ผิด)เค้าจะมาทำฟาร์มที่นี่แต่ต้องอยู่ภายใต้ข้อตกลงของแอมเวย์นะ คือต้องผลิตในฟาร์มระบบชีวภาพห้ามใช้สารเคมี ถ้าคุณมีเงินมากมายขนาดนั้นก็เอาที่หรือซิ้อที่ให้แอมเวย์เค้ามาทำฟาร์มก็ได้นะ แล้วเงินที่ได้คุณก็เอาไปให้ชาวไร่ชาวนา หรือคนที่คุณเห็นว่าเขาน่าจะได้

แต่ฉันนับถือคุณนะที่เป็นคนดี ตั้งใจ และกตัญญูแต่คนเรามันแตกต่างกันค่ะ คุณอย่าไปว่าให้คนอื่นเลยนะคะ

คนที่เค้าตั้งใจทำก็ปล่อยเค้าไปเถอะเค้าไม่ได้ไปฆ่าแกงใครนะ คนที่คุณควรว่าน่าจะเป็นคนที่ทำตัวไร้สาระไปวันๆมากกว่านะ ที่วันๆขูดรีดเอาเงินจากพ่อแม่ น่าจะเอาเวลามาทำอะไรที่เป็นประโยชน์ดีกว่านะคะ

ถ้ากลัวเงินหมดประเทศแล้วคนที่โกงเงินหลวงเนี่ยน่าถูกประนามกว่านะ แล้วงานที่คุณทำนี่ไม่ทราบว่าโรงงานของคนไทยหรือเปล่า ที่บอกว่าใช้ของนอกแล้วเท่ส่วนตัวดิฉันคิดว่าใช้ของดีมากกว่านะ ดีกับดีกว่า คุณคิดว่าอันใหนน่าใช้มากกว่าล่ะคะ

ผู้แสดงความคิดเห็น มองต่างมุม วันที่ตอบ 2011-04-06 15:48:44


ความคิดเห็นที่ 75 (1412422)

คุณความคิดเห็นที่ 65 ระดับกรรมการผู้จัดการ แต่มุมมองแคบมากๆ คนไทยมี 60ล้านกว่าคน แล้วคนที่จะอยุ่ในระดับสูงๆ แต่ละบริษัทได้ จะมีกี่ตำแหน่ง คนเก่งๆ ฉลาดมีมาก แต่ด้วยความจำกัดจำนวนที่ตำแหน่ง นไทยมีรายได้เกิน 50000 บาท คิดว่ากี่ปีและที่ทำได้กี่คน และถ้าทำได้ทุกคนค่าครองชีพจะเท่าไร แต่ละบริษัทเท่ากันไหม คุณต้องมองภาพรวม ไม่ใช่ภาพของบริษัทที่คุณทำงาน นโยบายแต่ละบริษัทไม่เหมือนกัน
แล้วที่บอกหักค่าคอมมิวชั่น เงินตราไหลออกนอกประเทศ คิดในมุมบริษัทต่างชาติยักใหญ่เข้ามาในประเทศไทยเยอะแยะ รายได้ก็ไหลออกนอกประเทศเหมือนกัน ไม่ต้องทำมันสิ หาบริษัทคนไทยทำงานกัน ในชีวิตจิงมันทำได้ไหม บริษัทคนไทยจ่ายเงินค่าตอบแทนได้ไหม คุณเป็นเจ้าของบริษัทถ้ามีพนักงานเก่งๆ คุณยอมจ่ายไหมตามที่เขาเรียกได้ไหม

ยกตัวอย่าง รถยนต์ญี่ปุ่น เขามาเปิดบริษัท เราผลิตรถให้เขา แล้วเขากับมาขายเรา อย่าไปซื้อสิทำได้ไหม แล้วมีอีกหลายๆบริษัท ทำไมไม่มองว่า เขาคนไทยมีรายได้ คนไทยมีเงินเปิดบริษัทได้ทุกคนไหม ในความเป็นจริงมันไม่ได้

เรื่องสุขภาพ ผมไม่เถียงว่าออกกำลังกินอาหารเสริมแล้วร่างกายแข็งแรง คุณเลือกดูแลตัวเองได้ดีทุกอย่างหรือยัง คนออกกำลังกายดูแลร่างกายป่วย เป็นมะเร็งหลอดเลือดก็เยอะ เพราะอาหารที่เรากินทุกวันคิดว่าสะอาดแค่ไหน ลองไปถามพวกเกษตรกรกับปศุสัตว์ หาคนที่สนิทๆ เปิดใจคุยกันได้เลย ผมฟันธงได้เลย ของที่เรากินทุกวันนี้ ถ้าผลิตเพื่อทำตลาดมีส่วนใหญ่มีสารเคมีแน่นอน เนื้อสัตว์มีสารเร่งเนื้อแดง ฟอมาลีไฮ และอื่นๆ ครับ ยกเว้นพวกปลอดสารพิษมีน้อยมากๆ ในตลาดบ้านเรา แล้วกินได้ทุกวันไหม ทุกมื้อไหม กินครบ 5 หมู่จิงไหม

แล้วที่คุณบอกว่า **ย้ำไม่ได้มาโอ้อวด แค่มาบ่นเฉยๆ เวลาได้ยินพวกชอบคุยโม้โอ้อวดกันเรื่องไปเทียวเมืองนอก ใช้ของนอกแล้วเท่  ฟังแล้วรู้สึกแย่ หดหู่ สงสารประเทศที่มีคนแบบนี้อยู่ครับ(มันเป็นเสี้ยนหนามแผ่นดิน)

ผมมองว่าคุณนั้นแหละ เป็นเสี้ยนหนามแผ่นดิน

มันอยู่ที่บุคคล มนุษย์เราเมื่อเกิดมาแล้ว มีสิทธิ์เลือกที่จะเป็น แต่เขาจะเลือกแบบไหนบังคับไม่ได้ เขาจะใช้อะไรก็เรื่องของเขา จะแพงจะถูกได้ใช้แล้วเขารู้สึกดีก็เรื่องของเขา

ผู้แสดงความคิดเห็น มาปราบเกรียน (superbakerz-at-hotmail-dot-com)วันที่ตอบ 2011-04-10 23:25:20


ความคิดเห็นที่ 76 (1412603)

บอกก่อนครับว่าผมคือ คห.65

ต้องขอบคุณครับที่สนใจอ่านข้อความของผม จะได้อธิบายให้ฟังนะครับผม ขออนุญาตตอบคุณ คห.75 ก่อนนะครับ

นโยบายของประเทศไทยเกี่ยวกับการเข้ามาลงทุนและการอนุญาตให้เข้ามาทำงานของชาวต่างชาติ ...ง่ายๆครับและเป็นธรรมดาของประเทศที่กำลังพัฒนาและด้อยพัฒนาที่จะต้องมองหาเทคโนโลยี และความรู้ โนวฮาวจากประเทศที่พัฒนาแล้วหรือประเทศที่เจริญกว่าเพื่อให้มาถ่ายทอดหรือเรียนรู้จากเขาเพื่อนำไปพัฒนาให้ทัดเทียมและเท่าทันนานาประเทศ ไม่เช่นนั้นท่านจะล้าหลังและโดดเดี่ยวอยู่คนเดียวในโลก จึงจำเป็นต้องยอมให้(บางทียอมลดภาษีหรือไม่เก็บภาษีเลย)บริษัทต่างชาติเข้ามาลงทุน ซึ่งไม่ได้หมายความว่ายอมทุกประเภทกิจการ         

1.หลักสำคัญคือเฉพาะกิจการที่คนไทยยังไม่สามารถทำได้ หรือทำได้ไม่ดีพอที่จะแข่งขันในตลาดโลกหรือมีนัยสำคัญว่าจะเป็นประโยชน์ทางอ้อมต่อด้านอื่นประเทศ เช่น ใช้วัสดุ วัตถุดิบในประเทศผลิตเสร็จ แปรรูปเสร็จส่งขายต่างประเทศ (อันนี้จะสุดยอดมาก)ก็จะได้รับยกเว้นทั้งภาษีเงินได้และภาษีอากรนำเข้าวัตถุดิบอื่น รวมทั้งเครื่องจักรเทคไฮเทคอื่นๆที่จะนำเข้ามาด้วย แต่ต้องดำเนินการตามขั้นตอนฯนะครับ

ตามสูตร    ค่าแรงงาน+ต้นวัตถุดิบ+ค่าใช้จ่ายในการผลิตอื่น = ต้นทุนสินค้า  (10+40+20=70)

                เมื่อส่งไปขายต่างประเทศ ต้นทุนสินค้า+ค่าใช้จ่ายดำเนินงาน+กำไร = ราคาขาย  (70+10+20=100)

อธิบายได้ว่า การส่งสินค้าออกไปขายต่างประเทศไม่เพียงเป็นการส่งวัตถุดิบไปขายอย่างเมื่อก่อน ซึ่งถูกมองว่าล้าหลัง ไร้ศักยภาพในการเพิ่มมูลค่าของสินค้า หากแต่เป็นการส่งแรงงานไปขายไปในตัวด้วย ในขณะที่บริษัทต่างด้าวที่เข้ามาลงทุนก็จะได้รับกำไร(20)เป็นการตอบแทนซึ่งเขาก็อาจจะนำมากินมาใช้ในระหว่างที่อยู่ในเมืองไทยไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมด ก็ทำให้เศรษฐ์ในประเทศหมุนเวียนได้ดี ชาวบ้านมีงานทำ หรือต่อให้ส่ง(20)กลับประเทศเขาเราก็ไม่สนใจเพราะเงินที่ได้มา ก็ได้มาจากประเทศอื่น แบบนี้ต้องเรียกว่าจับเสือมือเปล่านะครับ(ได้ประโยชน์เห็นๆ)

2.สำหรับกิจการที่อาจส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพและความมั่นคงของประเทศ อันนี้จะเข้มงวดหรือไม่อนุญาตโดยสิ้นเชิง

3.กิจการที่คนไทยทำได้แต่ไม่พร้อมที่จะแข่งขัน อันนี้จะมีปัญหามากคือต้องบอกว่าแบ่งรับแบ่งสู้ และถ้าจะเข้ามาต้องพรีเซ้นว่าเป็นการพัฒนาหรือมีแนวโน้มที่จะถ่ายทอดความรู้และเทคโนโลยีใหม่ๆให้กับคนไทย(พนักงาน) ซึ่งปัจจุบัน รัฐบาลก็จะมีนโยบายติดตามและควบคุมกำกับดูแลอย่างใกล้ชิด รวมทั้งคอยเก็บข้อมูลการทำธุรกรรมการเงินระหว่างประเทศอย่างเข้มงวด(ทุกครั้งที่มี) และต้องรายงานการส่งเงินกำไรจากธุรกิจกลับประเทศทุกๆปี สาเหตุที่ต้องยอมส่วนหนึงต้องบอกว่าระบบเศรษฐกิจแบบเสรีซึ่งหากไม่ยอมก็จะกลายเป็นการปิดประเทศและต้องเป็นไปตามหลักถ้อยทีถ้อยอาศัย เพราะคนของเราก็อยากไปลงทุนในประเทศเขาเหมือนกัน สำหรับกลุ่มนี้ถ้าจะนำผลกำไรต้องเป็นไปตามสูตรนี้นะครับ

แรงงาน+ต้นทุนวัตถุดิบ+ค่าใช้จ่ายในการผลิตอื่น+ค่าใช้จ่ายบริหาร+กำไร=ราคาสินค้าหรือบริการ   20+40+10+10+20=100  

จากสูตรนี้จะเห็นว่ากำไรที่นักลงทุนต่างชาติได้เท่ากับ 20 ซึ่งต้องเสียภาษีในอัตราร้อยละ 30 ซึ่งก็คือ 6 และโอนเงินกลับประเทศต้องนำส่งหักณที่จ่ายอีกร้อยละ 10 ของเงินที่โอนออก(14*10%)=1.4 (ตามสูตรตัวอย่าง)สุดท้ายคือเขาจะสามารถนำเงินกลับได้เพียง 12.6 เท่านั้น คิดเป็น%คือร้อยละ 63 ของกำไรสุทธิเท่านั้น ส่วนที่เหลือยังคงหมุนเวียนอยู่ในประเทศเราครบถ้วนครับ และบางครั้งก็จะมีการส่งออกก็เป็นการชดเชยส่วนกำไรที่ส่งกลับ ซึ่งมีจุดคุ้มทุนที่ 11%ของรายรับรวมเท่านั้น(ตามสูตรข้างบนถ้าส่งออก11%ของรายรับรวมไม่เสียดุลฯแม้แต่บาทเดียว)

แลกกับการเข้ามาของตัวบุคคลต่างด้าว การอุปโภคบริโภคสินค้าอย่างอื่น การท่องเที่ยว การติดต่อค้าขายซึ่งต้องผ่าน บุคคลากรคนไทยมากมายหลายระดับ สามารถสร้างงานสร้างอาชีพอื่นๆให้คนไทยมากมาย  อีกประเด็นหนึ่ง กลุ่มลูกค้าเป้าหมายของธุรกิจกลุ่มนี้(ส่วนมาก)ไม่ใช่คนไทยครับ แต่พุ่งไปที่กลุ่ม ธุรกิจกลุ่มที่1(ข้างต้น)และต่างประเทศ สาเหตุหนึ่งเป็นเพราะต้นทุนการเข้ามาและบุคคลากรโดยมากเป็นอิมพอร์ตทำให้ต้นทุนสูง คนไทยจะสามารถแยกแยะได้เองว่าอะไรถูกหรือแพง เช่น ร้านเบอเกอรี่คนไทยแท้ๆทำเองขายเองมีลูกจ้าง1-10 ราคาต่อชิ้นอาจจะ 5-40บาท แต่ถ้าร้านเบอร์เกอรี่หรือฟาสฟู๊ดสัญชาตต่างประเทศ อาจมีราคาถึง 20-50ต่อชิ้น ชิ้นละร้อยก็มี(บ้าไปแล้ว) ขายคู่กับกาแฟแก้วละ60-100บาท ในขณะกาแฟโบราณหรือเนสหรือกาแฟสดข้างถนน สนนราคาแค 15-20-40 เชื่อไหมครับ ฝรั่งเดินมาเขาไม่กล้ากินกลัวท้องเสีย(ส่วนใหญ่) ต้องเลือกเข้าที่มียี่ห้อเมืองนอกซักหน่อย ...ซึ่งมันเป็นเรื่องของฝรั่งเขา เราก็ต้องเข้าใจเขา

เพิ่มเติมกลุ่มธุรกิจของชาวต่างชาตกลุ่มที่ 1 นะครับรัฐบาลของค่อนข้างสนับสนุนอุ้มชูเป็นพิเศษ สังเกตุจากรัฐบาลหรือรัฐมนตรีคนใดไปพาไปชักจูงมาได้จะเอามาพรีเซ้นบ่อยๆว่าเป็นคนพามา ซึ่งสร้างคุณประโยชน์ต่อประเทศ ซึ่งประเทศเรามีทรัพยากรบนดินที่มหาศาลและเหลือเฟือ ขาดก็แต่การพัฒนาการปรับปรุง แปรรูป เพิ่มมูลค่าให้กับมันครับ ซึ่งรัฐบาลทุกยุคทุกสมัยเพียรพยายามอย่างหนัก อย่างเช่น หนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ อันนั้นก็คือรัฐพยายามส่งเสริมให้ชาวบ้านและผู้ที่เกี่ยวข้องพยายามคิดค้นพัฒนา เรียกว่าจุดประกายให้ประชาชน ได้มีส่วนร่วมแล้วมาแชร์ เทคนิค เทคโนโลยีกันถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีให้กับรุ่นถัดๆไป

ตอบคุณ คห.75 เรื่องยกตัวอย่างบริษัทรถยนต์จากญี่ปุ่นนะครับ  ดูสูตรจากข้อ.1 นะครับเพียงแต่กลับด้านจากเราผลิตเองเป็นเขาผลิตแล้วขายเรา

หากเราไม่ยอมให้เขาเข้ามาเราต้องจ่ายเต็ม100เปอร์เซ็นต์ของราคาสินค้า

แต่ถ้าเข้ามาผลิตในประเทศเรา เราเสียตามสูตรข้อ 3. ซึ่งก็คือร้อยละ 12.6ของราคาสินค้า (หรือร้อยละ63ของกำไรสุทธิ) นี่แหละครับคือประเด็นเด็ดสำคัญที่ผมพยายามจะสิ่อสารกับคุณๆทุกๆคห.   แต่ทั้งนี้เราก็ยอมอนุญาตสำหรับวัตถุหรือชิ้นส่วนบางอย่างที่ไม่สามารถหาหรือทดแทนได้ในประเทศซึ่งมีการกำหนดเป็นโควต้าเปอร์เซ็นของวัตถุดิบชิ้นส่วน ซึ่งคนไทยเราเองยอมรับกันทั้งประเทศอยู่แล้วว่าเราขาดเทคโนโลยีเต็มๆครับ เป็นเพราะบุคคลากรด้านนี้ยังพัฒนาไม่ถึง จริงๆแล้วพัฒนายังไม่ถึงเกือบทุกๆด้าน สังเกตุง่ายๆสถาบันการศึกษาทางวิศวะกรรมและเทคโนโลยีเลยระดับป.ตรีแล้วมีน้อยมาก นั่นแสดงให้เห็นว่าหากต้องการเรียนให้ลึกซึ้งต้องไปต่างแดน

ป.ตรี=พอเข้าใจ+ใช้เป็น

ป.โท=แก้ไข+ปรับปรุง+ต่อยอดได้

ป.เอก=คิดค้นประดิษฐ์สิ่งใหม่ๆ

พิจารณาดูสิครับว่าเราจะไม่ให้บริษัทฯรถยนต์ต่างด้าวเข้ามาผลิตได้อย่างไร เราไม่มีทางเลือกขนาดนั้น ถ้าลำพังให้ขายข้าวกับขายยางพาราแล้วตัดการเข้ามาจอยของกลุ่มธุรกิจกลุ่ม1.และ3. ประเทศไทยเป็นประเทศได้ไม่ถึง10ปีหรอกครับ ผมรับรอง ผมเกิดปี2521 เรียนจบป.ตรี ปี 2541 ไม่เคยใช้สิทธิ์ผ่อนผันและไม่คิดติดสินบน(เรียนจบตอนอายุ 20)เป็นทหารเกณฑ์ 1 ปี รับใช้ชาติ1ปีเต็ม ปี43เริ่มทำงานและมีโอกาสได้ไปฟังเอมเบย์ (คงไม่โดนฟ้อง)คนรู้จักหลอกผมว่าเป็นการอบรมเรื่องธุรกิจคอมพิวเตอร์ เสียค่าอบรมแค่ 100 บาท ผมก็เชื่อไม่รู้จักธุรกิจนี้มาก่อนด้วยซ้ำ ผมไม่โกรธเพื่อนหรอกครับที่ไม่บอกความจริงผม เพราะ100บาทวันนั้นก็ให้ความรู้ผมเยอะมาก กำไรด้วยซ้ำ(เปิดวิสัยทัศน์) แต่วิธีพรีเซ้นจะเล่าละเอียดก็จำไม่ค่อยได้10กว่าปีแล้ว เพราะประเด็นหลักชูเรื่อง 1.สินค้าทุกอย่างอิมพอร์ต 2.การได้ท่องเทียวต่างแดน 3.อิสรภาพทางการเงิน     ข้อ 3.พอเข้าใจได้ว่าเราเหนื่อยคนเดียวแต่สำเร็จตกสู่รุ่นลูกหลาน พลอยสบายไปด้วย แต่ข้อ.1 กับ ข้อ 2. เนี่ยครับที่ผมบอกว่าใครก็ตามที่ไปฟังแล้วเห็นว่ามันโก้เก๋ ดูเท่ อยู่ในความใฝ่ฝัน แล้วผมจะต้องขอใช้คำว่าเสี้ยนหนามแผ่นดิน

ที่ผมอ้างอิงปี พ.ศ.กับเรื่องอายุนะครับ  เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นจริง ประสบการณ์จริงของผม วันถัดมาผมไปบอกกับเพื่อนคนนั้นว่าผมคงไม่สามารถเข้าร่วมด้วยหรอกนะ เพราะผมไม่นิยมการบริโภคสินค้าต่างประเทศและการสุขสันต์กับการไปเที่ยวต่างแดน ทำให้ประเทศขาดดุลการค้า ผมจบแต่เพื่อเซ้าซี้ให้ระเอียด จึงต้องอธิบายพร้อมกับยกตัวอย่าง ประเทศอาร์เจนติน่า ว่าตอนนี้ประเทศของเขาเนี่ยขาดดุลการค้าอย่างหนักให้กับต่างชาติ(มานานแล้ว) จนต้องแปรรูปรัฐวิสาหกิจ ระบบสาธารณูปโภคให้เอกชนและต่างชาติหมดแล้ว  จนสุดท้าย(ณ ตอนนั้น) รัฐบาลให้นโยบายต่างชาติถือครองที่ดิน เพื่อหวังนำเงินมาอุดช่องเงินสำรองของประเทศ และประสบปัญหาค่าเงินตกต่ำอย่างหนัก อันเนื่องมาจากการบริหารประเทศที่ผิดพลาดของระบอบประชานิยม(ของพันเอกฮวน โดมิงโก เปรอน)ที่มีการนำเข้ามาและเบ่งบานอย่างหนัก ส่งเสริมให้ประชาชนบริโภคสิ่งของเครื่องใช้เกินตัว ลดแลกแจกแถมจนประชาชนหากินไม่เป็นและไม่ให้ความสำคัญกับรากฐานเศษฐกิจของประเทศ(ถ้าเป็นมวยก็เปิดหน้าแลก) ไม่ได้ดูว่าประเทศตัวเองมีทรัพยากรและเงินทองที่จำกัด กอร์ปกับบุคลลากรในประเทศไม่พร้อมแข่งขัน(อย่าบอกนะครับเงินเราจะพิมพ์เท่าไหร่ก็ได้ แนะนำไปศึกษาเงินกองทุนสำรองระหว่างประเทศ)ซึ่งคล้ายๆกับนายกฯคนก่อนของไทยที่นำเศษเงินมาปรนเปรอประชาชนส่วนใหญ่(ซึ่งดูถูกว่าเป็นรากหญ้าให้เศษเงินไม่กี่ร้อยบาทก็ถวายชีวิตให้เพราะไม่มีความรู้และไม่จำเป็นต้องรู่ว่านำเงินมาจากไหน)  แล้วเปรียบเปรยให้เพื่อนฟังว่า  ธุรกิจนี้เสมือนกับครอบครัวเล็กๆ พ่อแม่ลูก ที่ไม่ทำงานหารายได้จากนอกบ้าน วันๆเอาแต่เล่นการพนันย้ายเงินในกระเป๋าไปมาด้วยคิดว่าร่ำรวย เพราะเงินผ่านมือทุกวัน แต่ทุกๆครั้งที่วางเดิมพันต้องจ่ายค่าต๋ง(ค่าสินค้าให้เมืองนอก)ให้กับบ้านอื่น ไม่ช้าก็เร็วเงินจะต้องหมดบ้านเพราะโดนค่าต๋งกินหมด ถ้าเงินหมดคุณก็ต้องเอาทรัพย์สินในบ้านไปขายไปแลกมา ถัดไปคือที่ดิน และสุดท้ายก็จะไม่มีแม้กระทั่งแผ่นดินให้ลูกหลานได้เหยียบ

คิดแล้วไม่มีผิดครั้งที่ 1  ประมาณ2-3วันถัดมาผมนำหนังสือพิมพ์(จำยี่ห้อไม่ได้)กรอบเล็กๆซึ่งลงข่าวคนสัญชาติอาร์เจนติน่าถูกยิงเสียชีวิต เพราะเดินเข้าไปในที่ดินที่ชาวต่างชาติซื้อใว้ ซึ่งที่ลงข่าวเพราะการฟ้องร้องคดีความต้องนำไปขึ้นศาลของประเทศคนยิง เพราะเป็นเงื่อนไขอย่างหนึ่งของการถือครอง นั่นแผ่นดินประเทศอาร์เจนฯนะครับ หรือว่าได้สูญเสียความเป็นรัฐ ความเป็นเอกราชไปแล้วเหรอครับ ผมอธิบายเพื่อนไป

คิดแล้วไม่มีผิดครั้งที่ 2 ถ้าคุณๆได้ดูข่าวบ้างในช่วง3-4 ปีก่อนหน้านี้(ถัดจากปี 2543 ไม่กี่ปี)ประเทศอาร์เจนติน่าเกิดจราจลครั้งใหญ่นะครับ หนักกว่าที่เราเผาห้างเซ็นตรงเวิร์ลเทรดอีก เพราะรัฐไม่มีเงินจ่ายเงินเดือนข้าราชการ ซึ่งเป็นรายได้หลักของประชาชนในประเทศ ทำให้ประชาชนอดอยาก ย้ำว่าข้าราชการไม่ได้รับเงินเดือนเพราะเช็ครัฐบาลเด้ง แบงค์ไม่ปล่อยเงิน รัฐขาดความเชื่อถือ พยายามจะกู้ยืมต่างประเทศก็ไม่ได้รับเครดิต เพราะขนาดถนนเมนในเมืองยังขายสัมปทานให้เอกชนมาตั้งด่านเก็บเงินค่าผ่านทางกันแล้ว ข้าราชการทุกระดับชั้นไม่ได้รับเงินเดือนครับ ผลคือไม่มีไครมาทำงาน ครูไม่สอนหนังสือ ทหารตำรวจลดจ่ายครึ่งเดียวเพราะต้องใช้งานรักษาความสงบ แต่ก็ไม่พอ ประชาชนที่อดอยากออกปล้น ฆ่า ข่มขืน ร้านค้าแย่งชิงอาหาร ขโมยข้าวของ สิ่งมีค่า เรียกว่าเข้าสู่ดินแดนมิคสัญญีเต็มรูปแบบ เป้าหมายสำคัญของความโกรธแค้นคือบรรดาธนาคาร บริษัท ร้านค้าของต่างชาติที่ตั้งอยู่ตามท้องถนน(ต่อให้ไม่มีอาหารก็จะทุบทิ้ง)  นั่นแปลว่าพวกเขาเริ่มตระหนักแล้วว่าเหตุใดประเทศเขาจึงล่มสลาย

ทุกๆท่านครับขนาดผมพิมพ์ตอนนี้ผมยังขนลุกเลย เพราะที่เคยพูดเคยอธิบายกับเพื่อนเมื่อปี 2543 มันเกิดขึ้นจริงๆครับ ผมจำได้ติดตาเมื่อปี46 ผมเปิดทีวีแล้วเห็นภาพจากประเทศอาร์เจนฯที่มีการยกพวกรุมทำร้ายเจ้าของอาคาร รปภ เพียงเพื่อแย่งชิงอาหาร ตำรวจที่ต้องนำอาวุธร้ายแรงเข้าปราบปราม ผู้ที่อาจจะกระทำเพียงเพราะว่าหิวโหย เรื่องที่ผมคิดและพยายามบอกเพื่อนในขณะที่ตัวผมอายุ 22 (เมื่อปี2543)เท่านั้น คุณยังจะบอกว่าผมไม่มีวิสัยทัศน์หรือมีมุมมองคับแคบอีกหรือครับ หวังว่าเหตุการณ์แย่เหล่านั้นคงไม่เกิดขึ้นในประเทศเรานะครับ (อย่างน้อยไฟฟ้ากับประปายังอยู่ ถึงแม้พลังงานน้ำมันจะไปก่อนแล้ว)

คุณ คห.74 ด้วยความสัตย์จริงผมไม่ได้ตั้งใจหรือต่อว่าผู้หนึ่งผู้ใดนะครับ แม้แต่ เอมเบย์ ผมก็มองว่าเขาก็เป็นเพียงแค่นักลงทุน ที่ต้องสรรหาวิธี รูปแบบการนำเสนอ การโน้มน้าว ซึ่งอาจใช้ไม่ได้กับทุกๆคน จริงไหมครับ ผมโปรยให้เพื่อนๆได้รับรู้เท่านั้นครับว่าความจริงคืออะไรและความเหมาะสมคือจุดไหน ก็ในเมื่อเขาตัดสินใจนำเสนอรูปแบบนี้ก็แสดงว่าเขาวิเคราะห์วิจัยมาแล้วครับ ว่าผู้รับข่าวสารหรือเป้าหมายนั้นมีสภาวะจิตใจ ความคิดอ่านเช่นไร นั่นล่ะครับคือสิ่งที่ผมบอกว่ารู้สึกเสียใจครับ

ต่างกรรมต่างวาระ ต่างสถานการณ์ ที่เราต้องเผชิญนะครับ เรากินได้ไช้ได้หมดเพียงแต่ต้องมีสติและรอบคอบนะครับ เพราะโลกปัจจุบันการแข่งขันสูงมาก แม้แต่ภัยธรรมชาติหลังๆก็ชักจะมาบ่อยๆ อยากบอกว่าเข้าใจตัวแทนนะครับ ผู้บริโภคด้วย วันก่อนผมก็เพิ่งฝากเพื่อนซื้อกระบอกเชคของเอมเบย์(250บาท^^)แทนของเก่าที่พังแล้ว  เอาไว้เชคโปรตีนทานตอนออกกำลังกายครับ แต่ไม่ได้ทานโปรตีนของเอมเบย์นะครับ ของยี่ห้ออื่น อันไหนใช้ได้และใช้ดีมีเหตุผลสมราคาก็น่าสนับสนุน ก็บอกดีไม่ใช่พรีเซ้นชี้จุดทาเก็ดว่าของนอก เท่ สมาร์ท ใช้เยอะเดี๋ยวได้เทียวเมืองนอก(เท่ตรงไหนT-T )

สุดท้ายขอออกตัวก่อนว่าไม่ใช่พวกมือสากปากถือศีล เอมเบย์ ผมเคยใช้แค่ยาสีฟัน กับ กระบอกเชคที่กำลังจะสั่งเนี่ยครับ (ของเก่าไม่ใช่ยี่ห้อนี้) สำหรับยาสีฟันก็โอเคระดับนึงใช้บ้าง ยี่ห้ออื่นบ้าง ตามโอกาส  สงกรานต์นี้ก็ปีใหม่ไทยนะครับ ขออวยพรซักหน่อย สุขภาพแข็งแรง โชคดีมีชัย ซื้อล็อตเตอรี่ถูกรางวัลที่หนึ่ง  ไปไหนมาไหนก็เบาๆบ้างนะครับเข้าใจว่าเป็นวัยรุ่นกัน (ใจร้อนทั้งนั้น) คนที่โพสไม่ค่อยสุภาพก็ลดๆบ้างครับ เด็กๆเขาดูอยู่ คิดซะว่าสังคมสงบร่มเย็นได้เพราะเรามีกฏมีระเบียบ สงสารคนออกกฏหมายบ้าง สส.เขาคิด เขาไต่ตรองกันมา 4-5 ร้อยสมองแล้วครับว่ามันดีจึงได้ประกาศเป็นกฏหมาย เพราะฉะนั้นเชื่อเขาบ้างนะครับ

ผู้แสดงความคิดเห็น แวะมาตอบคุณ75ครับ (wt_p1978-at-yahoo-dot-com)วันที่ตอบ 2011-04-12 20:10:15


ความคิดเห็นที่ 77 (1413063)

ขนาดร่างกายตัวเองยังอยากจะใช้ของถูกๆดูแล แถมยังอยากจะปล่อยประละเลย

ร่างกายคนเรามีสารพิษตกค้างเป็นอย่างมากครับ รถก็เหมือนกัน ไม่เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องดูแลรักษามัน

เวลาซ่อมแพงนะครับ ขนาดเครื่องยนต์ที่เป็นเหล็กไม่มีชีวิต ผมโดนมาแล้วหลายหมื่นนะ ภายในห้องเครื่องเป็นตระกัน

ร่างกายเราก็เหมือนกันนะ

แต่ถ้าไม่มีปัญญาจะซื้อมาทาน หรือไม่อยากดูแลตัวเอง หรือไม่ชอบด้วยเหตุผลใดๆก็ไม่ต้องซื้อกินก็จบแล้ว

คิดมากไปได้............คิดอะไรให้มันง่ายๆกว่านี้ชีวิตก็จะง่ายขึ้นนะครับ.....

ผู้แสดงความคิดเห็น คนคิดบวก (lekshiki-at-hotmail-dot-com)วันที่ตอบ 2011-04-18 12:47:16


ความคิดเห็นที่ 78 (1413255)

จากประสบการณ์จริง

นี่คือเรื่องจริงจากประสบการณ์ของคนที่เคยทำ Amway มา ขอบคุณคุณผู้ให้ประสบการ์อันนี้
คนเรามักอยากรวยโดยไม่ต้องทำงานหนักเป็นจริงได้หรอ? อย่าโดนเค้าหลอก และอย่าหลอกตัวเอง
คนที่ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานทุกคนเป็นคนรับผิดชอบ ขยันขันแข็ง
มีประสบการณ์ ความรู้ในการทำงานนั้นๆ พัฒนาจนเค้าสามารถประสบ ความสำเร็จได้
เช่น เบิร์ด ธงชัย ( ร้องเพลงเก่ง) , บิล เก็ต (เจ้าของmicrosoft) หรือ แม้กระทั่งนัก
ฟุตบอลอย่าง ซี ดาน ซึ่งทุกคนล้วนย่อมต้องฝึกฝนและทำงานหนักกว่าจะถึงจุดนั้น

วันแรกที่เข้าไปฟังแอมเวย์ และหลงเชื่อเพราะเราเชื่อที่เค้าล้างสมองเราว่า
แอมเวย์เป็นอาชีพอิสระ งานสบาย เน้นความ สัมพันธ์ไม่ต้องทำงานหนักแต่สามารถ
มีรายได้เดือนละเป็นแสน หรือ เป็นล้าน ถ้าถึงขั้นยมทูต เอ้ย มงกุฏฑูต
เราและคนมากมายเชื่อ เค้าบอกว่าน้องคิดดูนะว่าเดือนๆนึงน้องซื้อยาสีฟัน 4 หลอด
และต่อมา น้องแนะนำให้คน 4 คน เพื่อนหรือญาติน้อง ให้ซื้อยาสีฟัน และคน4คน
ก็แนะนำไปอีก 4คน เดือนๆนึงน้องจะได้รายได้ โดนไม่ต้องเหนื่อยออกแรง แค่แนะนำ สิ่งดีๆ
ให้เพื่อนเป็นงานสบายๆ ไม่ต้องทำงานหนัก ไม่ต้องตื่นเช้า ไม่ต้องมีเจ้านาย ไม่ต้องตอกบัตร
แล้วเราก็หลงเชื่อเค้าด้วยความโง่เขลา พร้อมๆกับคน อีกมากมาย

วันนั้นเราก็ได้สมัครสมาชิกกับเค้าไปพร้อมกับมีความฝันตามที่เค้าได้เล่าเรื่อง
ฉายสไลด์ เพื่อให้ความฝันและจินตนาการเราบรรเจิดทุกคนที่ House (กลุ่ม) ดีกับเรามาก
มีการแลกเบอร์กัน พูดคุยสนุกสนาน พร้อมนัดกันว่าจะพาเราทัวร์คลังสินค้าแอมเวย์
เพื่อจะได้ให้เรารู้จักแอมเวย์ดีขึ้น โดยคนที่จะพาเราไปก็คือ Upline เรา
ซึ่งก็คือเพื่อนเราที่ชวนมา

วันรุ่งขึ้นเราก็ได้ไปทัวร์ พร้อมกับได้รับการบอกว่าเราน่าจะซื้อสินค้าแอมเวย์ใช้
เพื่อที่จะได้รู้ว่าสินค้าแอมเวย์ดียังไง และ เหตุผลสำคัญคือเราต้องรู้ในตัวสินค้า
ก่อนที่จะไปแนะนำคนอื่นได้ ซึ่งเราก็เห็นด้วยคล้อยตาม วันนั้นเราหมดเงินไป
ประมาณสามพันเกือบๆสี่พัน รวมค่าสมัคร

เราเริ่มไป House บ่อยขึ้น ไปคลังแอมเวย์ ไปประชุม ซึ่งUplineเราและพวกพี่ที่เฮ้าส์
บอกเราว่าต้องมา ห้ามขาด เพราะเค้าจะมีการสาธิตสินค้าให้เราดู พร้อมบรรยาย
และด้วยเหตุผลว่าถ้าเราไม่ดูแล้วเราจะไปสาธิตให้ ลูกค้าดูได้ไง
แล้วจะแนะนำสิ่งดีๆให้ลูกค้าได้ยังไง

เรายังเรียนอยู่ แต่ด้วยจิตใจมุ่งมั่น เราเริ่มขาดเรียน เราเริ่มกลับบ้านดึก
ไม่ใช่ดึกธรรมดานะ ดึกแบบตีสอง ตีสาม เราเริ่มโดนที่บ้านว่า เเละทุกครั้งที่เราบอกที่เฮ้าส์
ทุกคนจะปลอบ ใจเรา บอกว่า ไว้วันที่น้องสำเร็จกับแอมเวย์ ที่บ้านน้องจะเข้าใจเอง
พ่อแม่จะได้ไปเที่ยวเมืองนอก น้องมีเงินให้พ่อแม่ใช้สบายๆ ไม่ต้องให้เค้าทำงาน
ตอนนี้ก็อดทนไปก่อน ถ้าเราโฟกัสกับแอมเวย์ให้มั่น วันที่เราสำเร็จก็จะใกล้ขึ้น
ตอนนี้ น้องเดินมาเกือบครึ่งทางแล้ว อย่าถอย อย่าท้อแท้ ต้องสู้ว่าเราสำเร็จได้
และอีกครั้ง ที่เรา โง่เขลาเราเริ่มไป House ทุกๆอาทิตย์ ทุกครั้งที่ไป
ก็จะมีการพูดปลุกใจ ปลุกระดม เปิดเพลงประมาณ ว่า We are the champion
อะไรประมาณนั้น เราเริ่มซื้อของใหญ่ และแพง โดยบังคับให้ที่บ้านซื้อ พร้อมกับบอกว่า
มันดีมากๆๆๆ เพราะทุกคนที่แอมเวย์บอกว่ามันคือสุดยอดสินค้า ที่ราคานั้นแม้จะสูง
แต่คุณภาพสุดคุ้ม นั่นก็คือ เครื่องกรองน้ำ และ เครื่องกรองอากาศ
เราซื้อที่ละอย่าง เพราะเราต้องพยายามหว่านล้อมที่บ้านถึงขั้นทะเลาะกัน
เพื่อจะเอา เพราะเราเชื่อแอมเวย์ เชื่อพี่ๆและ Upline ว่าพ่อแม่เราจะมีสุขภาพดีขึ้น

ราคาของสองเครื่องนี้รวมกันก็ประมาณเกือบห้าหมื่นบาท เราเริ่มไปสัมนาแอมเวย์ที่
ต่างจังหวัดพร้อมกับที่กลุ่ม ซึ่งเดือนนึงจะจัด สองครั้ง โดยครั้งๆนึง ประมาณ
พันกว่าบาทเ หตุผลที่เราได้ถูกบอกว่าต้องไปก็คือเราจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับสินค้ามากขึ้น
มีการบรรยายที่มีประโยชน์มากพร้อมกิจกรรม เกี่ยวกับตัวสินค้า และได้พบกับวิทยากร
ที่ประสบความสำเร็จกับแอมเวย์แล้ว เป็นระดับเพชร มงกุฏฑูตเราก็ไป
บางครั้งที่มหาลัยใกล้สอบ มีติวกันกับเพื่อน เราก็ไม่ได้ติว เพราะเราต้องไปสัมนาพัทยา
เพื่อนเราเก็บชีตไว้ให้แต่เราก็ไม่มีเวลาอ่านนัก เพราะเรากว่าจะกลับ ก็ตีสองตีสามแล้ว
เรียนเราก็โดดเพราะเราโฟกัสว่าวันนี้เราจะต้องไป เฮ้าส์ตอน เย็น และ
เราเริ่มนัดลูกค้าตอนกลางวัน ซึ่งก็เป็นญาติๆของเรา แผนทุกอย่างถูกวางโดย Upline
ของเรา และรู้มั๊ยหนึ่งในวิธีที่จะสำเร็จกับแอมเวย์ได้ก็คือ ต้องเชื่อ Upline จริงๆ เรามีชีทด้วย
ได้มาจากสัมนา มันบ้ามากกกเลย แต่ตอนนั้นเราก็เชื่อเพราะเราโดนบิ้วทุกวันจากการไปเฮ้าส์
มันคือหนึ่งในวิธีการสะกดจิต หรือล้างสมอง หรืออะไรก็ได้ที่ทำให้เราไม่รับรู้
ความจริงจากโลกภายนอก แม้เพื่อนหรือญาติพ่อแม่จะบอกอะไรยังไงเราก็ตามเราไม่เชื่อ
เราเหมือนถูกผีสิง เราต้องไปเฮ้าส์ทุกวันเพราะที่นั่นมีคนที่เข้าใจเรามีจุดหมายเดียวกับเรา
ต้องการสำเร็จเหมือนเรา แล้ววันนึงคนที่หัวเราะเราจะหันมามองเราด้วย ความทึ่ง และ
ยอมรับเรา ที่เเอมเวย์มีแต่เพื่อนเเท้ เป็นครอบครัว นั่นคือสิ่งที่เรารู้สึกได้ซึ่งเรากำลังจะเล่าแล้ว
ล่ะ
ว่าต่อไปที่เราค้นพบความจริงเป็นไงเราเริ่มกลายเป็นสาวกแอมเวย์แล้วอย่างเต็มรูปแบบ
ทุกๆวัน เราพูดแต่เรื่องแอมเวย์เราใช้ของทุกอย่างที่เป็นแอมเวย์ ยาสีฟัน สบู่ น้ำยาล้างจาน
แฟ้บ น้ำ อากาศ และทุกอย่างที่แอมเวย์จัดจำหน่าย เช่น กระดาษทิชชู่ หลอดไฟฟิลลิปส์
โอรีโอ น้ำมัน ข้าวสาร ทุกๆๆอย่างในชีวิตเราคือแอมเวย์ ที่เฮ้าส์จะมีการพูดเปลี่ยนเวรกัน
เราได้รับมอบหมายให้พูดเรื่องแอมเวย์กับชีวิตประจำวัน ซึ่งตอนนั้นเราเล่าอย่างภาคภูมิใจมาก
ว่าเราบริโภคทุกอย่าง เป็นแอมเวย์จริงๆ เราเสร็จขั้นตอนการซื้อของมาใช้แล้วด้วยการ
หมดเงินไปประมาณแสนหนึ่งถ้าจะได้ เราเริ่มกลายเป็นดาวดวงใหม่ที่ทุกคนตั้งแต่อัพไลน์
ของอัพไลน์ ต้องมาสนใจเป็นพิเศษ ก็แน่สิเราสร้างยอดให้เค้าทุกวันหนิ
เราต้องเข้าเฮ้าส์แล้วพี่อัพไลน์พวกนี้จะเรียกเราวางแผนกลยุทธการขาย เค้าเริ่มสอนให้เรา
ชวนคนมาทำ มาสมัครโดยให้เราลิสต์รายชื่อเพื่อนมาห้าคน แล้วชวนมาให้ได้
มาที่เฮ้าส์แล้วเดี๋ยวเค้าจะจัดการให้เอง

เราชวนเพื่อนสนิทเรามา สองคน จริงๆชวนเจ็ดแต่มาแค่สอง สองคนนี้รักเรามาก เราก็รู้ว่า
เค้ามาเพราะเกรงใจและ ไม่อยากให้เราเสียใจ เค้ามาฟังๆโดยที่อัพไลน์เราเป็นคนบรรยาย
เราอยู่อีกห้องนึง เชื่อมั๊ยว่าคนเป็นสิบๆมาช่วยเราคิดว่าจะทำยังให้เค้าสมัคร
มาบอกทริคมากมายช่วยเรา บ้างก็บอกว่าให้เค้าจ่ายเงินเลยเพราะเค้ากำลังบิ้วได้ที่
คือกำลังมีอารมณ์ร่วม ถ้าปล่อยไปพรุ่งนี้มักจะหายจ้อย เรารู้สึกว่าเราต้องทำให้ได้
เราต้องเริ่มต้นได้เเล้ว และเป็นจริง เราบังคับเพื่อนเราสองคนให้สมัคร
โดยเราบอกเค้าว่าลองดูก็ไม่เสียหาย มันดีจริงๆและเราก็อยากให้เพื่อนรักเราได้เจอในสิ่งดีๆ
อย่างที่เราเจอ> เพื่อนเราก็เงียบๆ และก็ตกปากรับคำสมัคร
อย่างที่เราเจอ> หลังจากสองคนนั้นกลับไป

ทุกคนต่างมายินดีกับเราในก้าวแรกพร้อมกับคำพูดเด็ด น้องมีเพชรในมือน้องแล้วนะ
อย่าให้หลุดมือ สองคนนั้นสามารถเป็นเพชรในสายงานน้องได้ ขึ้นอยู่กับน้องแล้วนะ
ว่าอยากสำเร็จ หรือไม่สำเร็จ และแล้ววันนั้นเราก็ได้อยู่วางแผนกับอัพไลน์และอัพไลน์
ของอัพไลน์จนดึก วางแผนว่าจะทำยังไงกับเพื่อนสองคนนี่ดีจะทำยังไงให้เค้ามาทำเต็มตัว
ให้เค้าซื้อเครื่องกรองอากาศ กรองน้ำภายในเดือนนี้ เพราะเราทำยอดไว้เยอะแล้ว
ถ้ามียอดสองคนนี้มาเพิ่ม เราก็ได้เบรค ก็คือทำยอดทะลุเป้า ได้เลื่อนตำแหน่ง
ซึ่งทุกคนบอกเราว่าต้องคว้าโอกาสนี้ให้ได้ เพราะอีกไม่กี่เปอร์เซนต์เราก็จะเบรคแล้ว

ก่อนที่เราจะจัดการเพื่อนสองคนของเรา ที่ยอมสมัครเป็นดาวไลน์เรา เราได้ถูกวางแผน
กลยุทธการเยี่ยมบ้านเพื่อนๆ เพื่อขายสินค้า โดยUplineเราเป็นคนสอนวิธีให้ทุกอย่าง
เริ่มจากจะชวนเค้ายังไง จะทำยังไงให้เค้ายอมให้เราไปสาธิตสินค้า
อัพไลน์เราบอกว่า เค้าจะจัดการสาธิตให้เองและ ไปพร้อมเรา เพราะเค้าเก่งแล้ว
พูดเก่งด้วย ก็แน่สิเค้าเป็นดารานี่ไม่เก่ง ได้ไง เค้าบอกว่าขอแค่เราโทรไปนัดคนให้ได้
ที่เหลือเค้าจัดการเอง เราก็เลยโทรไปหา เพื่อนๆแรกๆเราก็บอกเค้าตรงๆว่าเราจะเข้าไป
สาธิตสินค้าแอมเวย์ ซึ่งเพื่อนๆก็จะปฎิเสธ อ้างว่าไม่ว่าง ติดนู่นนี่ พ่อแม่เค้าก็ไม่ว่าง
อย่ามาเลยเสียเวลา เรากลับไปบอกอัพไลน์เราว่าเราทำไม่ได้ ไม่มีใครสนใจ
อัพไลน์เราปลอบใจเราพร้อมสอนทริคการโกหก ต่างๆนานา โดยให้เริ่มด้วยมุขแรก
เค้าสาธิตให้ดูสดสด ....สวัสดีอาร์ทเราดามนะ เป็นไงบ้าง โอโห้ไม่เจอกันตั้งแต่มหาลัย
เลยนะ หลายปีอยู่ นายเป็นไง สบายดีนะ ที่บ้านพ่อแม่สบายดีนะ ทำงานอะไรอยู่ อืม...
เผอิญเราผ่านแถวบ้านนาย เราเลยนึกถึงว่าทุกคนสบายดีมั๊ย
คุณพ่อยังทำงานเป็นตำรวจอยู่รึปล่าว อืม... เกษียนแล้วหรอ แล้วคุณแม่ล่ะ อ้าว...
แล้วน้องนายเรียนที่ไหน อืม...ดีนะ ทุกคนสบายดี เราก็ดีใจ
แล้วนายปกติเลิกงานกี่โมง ล่ะ อืม... อย่างงี้ช่วงสองทุ่มก็ถึงบ้านแล้วสิ ดี ดี
เผื่อนเราแวะเข้าไปเยี่ยมคุณพ่อ คุณแม่ด้วย อยากเจอน่ะ มีเบอร์มือถือมั๊ย
แล้วเบอร์ที่ทำงานล่ะ โอเค เดี๋ยวค่อยคุยกัน นะบาย......
ขั้นตอนนี้ เค้าเรียกกันว่า เช็คฟอร์ม เก็บรายละเอียด "Form Check"
เป็นขั้นตอนสากลทำเพื่อเก็บรายละเอียดของสมาชิกในบ้าน
เพื่อสร้างความสัมพันธ์ครั้งแรกให้ประทับ ใจ ให้เค้ารู้สึกว่าเรามาดีไม่ได้ต้องการ
ขายของ มุขนี้จะใช้กับคนที่ไม่ได้เจอมานาน และไม่รู้ว่าเราทำแอมเวย์
เพราะถ้าเค้ารู้ เค้าก็คงรีบวางหูแล้วล่ะ เราเริ่มหลอกเพื่อนสำเร็จด้วยมุขแรก
หรือมุขที่ว่า เราพึ่งไปฟังบรรยายเกี่ยวกับสุขภาพมา ดีมากๆเลย
เราอยากเข้าไปแนะนำคุณพ่อคุณแม่เธอน่ะ มีประโยชน์มากๆ เพื่อนกลุ่มแรกๆ
ที่เรานัดเค้ายังไม่ค่อยรู้มากนักว่าเราทำ แอมเวย์ จึงใช้ได้ผลกับมุขนี้

ก่อนไปทุกครั้ง เราก็จะต้องนั่งลิสต์สมาชิกในบ้านเพื่อนคนนั้นๆ ให้อัพไลน์ดู
เพื่อที่จะได้เตรียมของไปขายถูก เช่น ถ้าเค้ามีน้องที่เป็นเด็กอ่อน เราควรขาย
เครื่องกรองอากาศ อาหารเสริม พร้อมกับเตรียมโบรชัวร์ต่างๆ ไปให้พร้อม
แน่นอน เราต้องอย่ายอมแพ้ ถ้าเค้าทำท่าไม่สนใจระหว่างการสาธิต
ให้เราทำทุกวิถีทางเพื่อให้เค้าสนใจให้ได้ และวิธีสุดท้ายที่มักได้ผลก็คือ
ทิ้งสินค้าไว้ให้เค้าทดลอง หนูอยากให้น้องมีสุขภาพดีจริงๆ เห็นคุณแม่บอกว่า
น้องเค้าชอบจามเวลานอน มันไม่ดีนะคะ โรคภูมิแพ้เนี่ย ป้องกันและรักษา
ตั้งแต่เด็กๆจะดีกว่า เครื่องกรองอากาศเนี่ยได้รับการพิสูจน์แล้ว ว่ากรองได้ถึง
99.999 เปอร์เซน ถ้าตอนนี้ยังไม่สนใจซื้อไม่เป็นไรค่ะ ฝากไว้ให้ทดลองก่อน
เดี๋ยวอาทิตย์หน้าหนูผ่านมาแถวนี้ จะแวะมารับกลับ หนูอยากให้น้องได้อากาศบริสุทธิ์ค่ะ
จะได้ไม่จาม ...แน่นอน หนึ่งในห้ามักเกิดความเกรงใจและซื้อสินค้ากับเราในที่สุด
ซึ่งเพื่อนเราไปพูดให้เพื่อนเราอีกทีฟังว่าแม่เค้าซื้อก็เพราะตัดความรำคาญ
จะได้ไม่มาตื้ออีกตอนนั้นเราได้ฟัง อัพไลน์เราบอกว่าไม่ต้องสนใจ เพราะเราทำหน้าที่
ของเราสมบูรณ์แล้ว คือแนะนำสิ่งดีๆให้กับคนที่เรารัก ทั้งๆที่จริงๆน่าจะพูดว่า
ไม่ต้องสนใจ ก็เค้าซื้อแล้ว จ่ายเงินแล้ว เรายอดเพิ่มแล้วหันไปหาคนอื่นดีกว่า
แอมเวย์เก่งมากเรื่อง จิตวิทยา


เวลาผ่านไปประมาณครึ่งปี ผลการเรียนของเราเทอมนั้นตกหนึ่งตัว ดร็อปหนึ่งตัว
หลือ เรียน 3 ตัว ซึ่ง3 ตัวนั้นเรากิน C,C,D ดร็อปเพราะ ลืมไปสอบQuiz
เก็บคะแนนก็เลยดร็อปเพราะคิดว่าสู้ต่อไปคงได้แค่ด็อก อีกอย่างวิชานั้นเรียนเช้า
ไปเรียนก้ไม่ไหวเพราะกลับก็เกือบเช้าแล้วดร็อปดีกว่า อัพไลน์บอกว่า เรียนเมื่อไหร่ก็ได้
แก่แล้วก็ยังเรียนได้ การศึกษาไม่จำกัดอายุ จบตรีมาใช่ ว่าจะประสบความสำเร็จในชีวิต
โฟกัส กับสิ่งที่เราทำดีกว่า เรามาครึ่งทางแล้ว แน่นอนหมดเงินไปก็สองสามแสนแล้วนี่
จุดนี้ เราเริ่มกู้ญาติที่เราสนิทเรียน โดยจะผ่อนชำระเค้าเดือนละห้าพัน เค้าไม่คิดดอก
เพราะเค้ารักเรา เหตุผลของเราก็คือเรากำลังทำธุรกิจส่วนตัว ซึ่งทุกธุรกิจต้องลงทุน
ฉะนั้นการกู้หนี้ยืมสินของพวกทำแอมเวย์เป็นเรื่องธรรมดาเพราะมันเป็นเงินลงทุน
ยังไงๆก็ได้คืนแน่อนอนอยู่แล้ว จุดนี้เเหละเราเริ่มติดบ่วงติดหนี้แล้ว

ตอนนี้เรามีดาวไลน์ สามคน สองคน ไม่ทำงาน สมัครเพราะความเกรงใจ
ส่วนอีกคนเป็นคนไฟแรงประมาณเรา อ้อ เราไม่ได้โชคดีขนาดว่าเจอเพชรในตมอะไร
ขนาดนั้นนะ เราโทรหาเพื่อนประมาณร้อยคนเห็นจะได้ รวมญาติด้วย และรวมเพื่อน
ของเพื่อนด้วย ทุกคนเริ่มรำคาญเรา บางคนยอมฟังเรา บางคนรีบขอวาง
บางคนไม่รับโทรศัพท์เราเลย เพราะเราพูดแต่เรื่องชวนเค้าไปสัมนา
เราเสียเงิน เยอะมากๆๆๆ จากหัวข้อใหญ่ๆที่จะเล่าให้ฟังนะ

หนึ่ง...เราเริ่มกักตุนสินค้า เพราะเราชวนใครไม่ได้ ขายได้ก็ไม่มาก แต่เราต้องการเบรค
ทำยอดติดกันหกเดือน เพื่อเลื่อนขั้นเป็น ดีดี ซึ่งก็จัดว่าเป็นตำแหน่งที่เกือบๆใกล้ๆเพชร
ทำยังไงล่ะ ใครจะยอมให้เรากู้ แอมเวย์มีวิธี ใครๆก็ทำกัน บัตร First Choice ไง
กับ บัตร Credit Kasikorn Thai Amway =ขั้นแรก เครดิตการ์ด ก็รูดเต็มวงเงิน
แบกเครื่องกรองน้ำเต็มคันรถมาเก็บไว้ที่บ้าน =ขั้นต่อมา สมัครบัตรเฟิร์สชอยส์
ซึ่งสามารถซื้อเครื่องกรองอากาศโดยเค้ามีตารางให้ผ่อนเป็นงวดๆ อ๊ะอ๊ะไม่ใช่แค่บัตรเดียว
อัพไลน์เราบอกว่าถ้าเรามีความรับผิดชอบอย่าไปกลัวเลย ให้เราไปหาญาติแล้วเอา
ใบสมัครเฟิร์สชอยส์ไปให้เค้าสมัครและเซ็น แล้วให้เอามาซื้อเครื่องกรองน้ำ ตุนๆเพื่อเบรค
ให้ได้ ไม่ต้องกลัวน้องใครๆก็ทำ พี่มีอยู่ 12 ใบ พ่อ แม่ ลุง ป้า น้า อา เพื่อน แฟนเพื่อน
พี่ชายเพื่อน ยอดเงินในแต่ละใบก็หลักหมื่นสิคะ ถ้าใช้เต็มวงเงินก็หลายแสนที่พี่เค้าเป็นหนี้
แต่เค้าบอกว่าคุ้มแสนคุ้ม กับการรักษาโอกาสนี้ไว้ เพราะเราเดิมมาเกือบถึงเส้นชัยแล้ว
เราไม่มีทางเลือก ถ้ารักจะเป็นนักธุรกิจ ต้องกล้าเสี่ยง รับผิดชอบ หลังจากนี้ ต้องสัญญา
กับตัวเองว่าจะทำงานหนัก ออกขายทุกวัน เอ๊ะ เริ่มขัดแย้งกับตอนที่ชวนมาทำใหม่ๆนี่
ตอนแรกบอกงาน สบายๆๆไม่ต้องเหนื่อย มีเงินเดือนๆละเป็นแสน เอ๊ะ แต่ตอนนี้หนูเริ่ม
ติดหนี้เป็นแสนๆ อ้อ อัพไลน์คนนี้ก็ติดหนี้ค่ะ ห้าแสนน่าจะได้ แกเป็นเพชรนะแต่ติดหนี้
สรุป ด้วยความยังโง่อยู่ หนูไปล่าบัตรเฟิร์สชอยส์จากญาติๆมาได้ 10 ใบ พร้อมกับมี
เครื่องกรองน้ำ 9 ตัว กรองอากาศ อีก 7 ตัว และเครื่องสำอางค์ อาหารเสริมอีกเป็นโกดัง
เริ่มสมัครบัตรเครดิตเพราะอ้างได้ว่ามีเงินเดือนจากแอมเวย์ไปขอใบรับรองเงินเดือนได้

เรามีบัตรเครดิตทุกธนาคาร และใช้ เต็มวงเงินทุกธนาคาร สุดท้ายได้ตำแหน่งค่ะ เป็น ดีดี
มีหนี้ทั้งหมดไม่รวมที่พ่อแม่ช่วย ซื้อตอนต้น 582,000 บาท เราเริ่มกลายเป็นคนน่าสงสาร
เพราะเพื่อนสนิทเรารู้ว่าเราเป็นหนี้ ข่าวเริ่มแพร่ปากต่อปาก เพื่อนเรามาช่วยกันซื้อครีม
คนละขวดสองขวด ถึงตอนนี้เราหยุดสต๊อคของแล้วเพราะเรามีหนี้เยอะ
อัพไลน์เราพูดแต่ว่า ให้เราลิสต์รายชื่อเพื่อนมา แล้วเค้าจะช่วยขาย
เชื่อมั๊ยว่าเราเหมือนเป็นโรคจิต เวลาเรียนเราก็นั่งลิสต์ชื่อเพื่อน วิธีก็คือ ลิสต์เป็นชื่อเพื่อนมา
ห้าสิบคน แล้วหัวบนสุดก็เป็นชื่อสินค้า ตีตารางเป็นช่องๆ แล้วติ๊กดูว่าเพื่อนคนนี้
น่าจะขายสินค้าตัวไหน เราทำตลอด...รถติดก็ทำ นั่งเรียนก็ทำ อยู่บ้านก็ทำ ก่อนนอนก็คิด
เชื่อมั๊ยว่าเราปล่อยสินค้าไม่ได้เลย เพราะช่วงนั้นเป็นช่วงใกล้ปิดยอดปีบัญชี ทุกคนสต๊อค
เหมือนกันหมด ทุกคนของค้างเหมือนกันหมด ต้องการปล่อยของเหมือนกัน ขายยิ่งยาก
ยิ่งหาดาวไลน์เพิ่มยิ่งยาก เพราะเพื่อนเราเค้ารู้กันหมดแล้วนี่ว่าเราไปทำแอมเวย์แล้วติดหนี้
ติดสินเยอะขนาดไหน เรากลุ้มใจมาก แต่ดีที่เพื่อนที่ครั้งหนึ่งเราเคยมองว่าคนพวกเนี่ย
ไม่ใช่เพื่อนแท้ ไม่เข้าใจเรา รังเกียจเรา หนีหน้าเราเพราะเราแค่อยากแนะนำสิ่งดีๆ
ให้พวกเค้า เค้าหันกลับมาหาเรา เค้าเต็มใจที่จะช่วยเรา บางคนซื้อเครื่องกรองน้ำเราด้วย
โดยที่เราไม่ต้องไปสาธิตเค้าเลย เพราะเค้าอยากช่วย ในขณะที่เพื่อนที่เราเคยคิดว่าเป็น
ครอบครัว เพื่อนแท้ ง่วน อยู่กับการปล่อยสินค้าที่ตัวเองสต๊อคเหมือนกัน วันวันก็จะพูด
แต่เรื่องของ ปล่อยของ และไม่เคยสนใจว่าใครจะเดือดร้อนกว่าใคร เพื่อนแท้จริงๆ
และวิธีที่แย่มากๆที่พวกเค้าทำ แต่เราไม่ได้ทำนะคือ เค้าไปหลอกคนมาเป็นดาวไลน์
พยายามให้คนพวกนั้นซื้อสินค้า และให้ดาวไลน์เค้าซื้อผ่านเค้า โดยเค้าอ้างว่าสะดวกกว่า
จริงๆแล้วเค้าไม่ได้ไปซื้อของที่คลังสินค้าให้ แต่เค้าเอาของที่ตัวเองสต๊อคไว้ให้แทน
วิธีนี้เรียกกันว่า ปล่อยของลองกรง พอดาวไลน์ถามว่าเอ๊ะทำไมไปเช็คในอินเตอร์เน็ต
แล้วไม่มียอดไม่มีพีวีแต้มเลย เค้าก็จะบอกว่า อ๋อ ระบบขัดข้อง แต่เเอมเวย์โทรมาบอกแล้ว
ว่าจะเพิ่มยอดให้ทีหลัง แต่มุขนี้ก็ใช้ได้ ผลนิดหน่อย สำหรับคนโง่ๆเท่านั้น

เราเริ่มรับรู้แล้วว่า อะไรที่เราคิดไว้มันช่างโง่เขลา เราเริ่มไม่ไปประชุม ไม่ไป เฮ้าส์ ไม่
ไปสัมนา
เริ่มกลับไปใช้ชิวิตกับเพื่อนที่มหาลัย ติวหนังสือ เราเริ่มค้นพบเพื่อนที่แท้จริง ความสนุก
ในชีวติได้กลับมาอีกครั้ง กลับบ้านเร็วขึ้น พ่อแม่เราแฮป***ที่เราเริ่มคิดได้
เราทำงานพิเศษรับสอนพิเศษอีกทางเพื่อผ่อนหนี้ เราพยายามบอกปัดพวกที่แอมเวย์ว่า
เราไม่ว่าง เราเริ่มค้นพบความจริงที่เราโง่เขลามานาน ตอน นี้ห่างจากตอนที่สมัคร
แอมเวย์มาสามปีแล้ว เราเลิกทำไปแล้ว ไม่ได้ไปเฮ้าส์อีก พี่ๆ อัพไลน์แรกๆโทรมาตาม
กันทุกวันให้เราไป จนเราให้แม่เรารับและบอกเค้าไปว่าตอนนี้เราเป็นโรคเครียด ขอร้อง
อย่ามาตามเราเลย เราขอหยุดพัก พวกเค้าถึงจะยอมเลิกราวี แต่ก็ยังส่งแมสเสจมาตลอด
แนวปลุกระดมเหมือนเดิม

เราหยุดทำมาเกือบปีแล้ว หนี้สินตอนนี้เหลือประมาณห้าแสน เราได้ยินมาว่าอัพไลน์เรา
ออกรถเบนซ์แมส เค้านิยมทฤษฏีสร้างภาพ เพราะเรารู้ว่าเค้ากับแฟนเค้า
หนี้สินรุงรังเลย เพราะเราเคยไปจ่ายเงินที่ธนาคารกับแฟนอัพไลน์เรา
เราเห็นเค้าจ่ายทีเป็นปึกๆๆ ตอนนี้พวกเค้าอาจยังคิดไม่ได้ ขอเตือน อย่าเด็ดขาด
อย่าเชื่อคนง่าย อย่าคิดว่าจะยืมจมูกคนอื่นหายใจได้ อนาคต ความ สำเร็จทุกอย่าง
ขึ้นอยู่กับตัวเรา ไม่มีหรอกงานง่ายๆ นั่ง สบายๆ ได้เดือนละแสน แค่แนะนำบอกต่อ
ไม่รู้ว่าจะมีคนเข้ามาอ่านได้มากน้อยแค่ไหนก่อนโดนลบ แต่ นี่คือประสบการณ์จริง
ที่เราไม่อยากให้ใครต้องเจอเหมือนเรา แม่เรานั่งรอเรา ถึงตีสองตีสามทุกครั้งที่เราไปประชุม
พ่อเราร้องไห้เพราะได้รู้ว่าเราติดหนี้อยู่ห้าแสน ทั้งๆที่อายุแค่ยี่สิบ
น้องเราอายเพื่อน เพราะเวลาเราเจอเพื่อนน้องเราก็จะพูดแต่แอมเวย์
เพื่อนๆ ต้องเดือดร้อน เพราะเราตื้อตลอดเวลา และกลัวว่าเราจะขายของเค้า
เวลาที่เสียไป เงินทอง เพราะเราแค่อยากมีเงินอยากมีงานสบายๆ
เชื่อคนง่าย โดนครอบงำ ขอบคุณทุกคนที่อ่า น...
...เป็นสัจธรรมทุกยุคทุกสมัยที่การหาเงินหรือทำธุรกิจกับความโลภและกิเลสตัรหาของคนมักจะสำเร็จเสมอ...

ผู้แสดงความคิดเห็น แฉเบื้องลึกแอมเ_ย์ โปรดระวัง...... วันที่ตอบ 2011-04-19 16:05:37


ความคิดเห็นที่ 79 (1421108)

คห.78โดนใจสุดๆ เป็นกำลังให้ทุกๆหัวใจที่ติดหนี้และสต็อกสินค้านะครับ ขอให้ได้เที่ยวเมืองนอกไวๆนะ

ซื้อของไปตั้งเกือนล้านกว่าจะได้ไปเมืองนอกHAHA

(กุว่ามึงเก็บไปเที่ยวเองดีกว่าไหม..สงสารคนที่มึงไปยัดเยียดสินค้าเขา...รึไปหลอกเขามาต่อมึงอ่ะ...บาปกรรม)

อย่าลืมบอกสิ่งดีๆเหล่านี้ให้กับครอบครัวและตระกูลของมึงเท่านั้นนะ

ครอบครัวกุขอเซย์โน

และครอบครัวอื่นเขาก็รังเกียจ พวกเซลส์ฯที่ชอบมายัดเยียดสินค้า

พอเราไม่ซื้อมันก็ดูถูก พูดจา_มาๆ หาว่าไม่มีตังค์มั่งแหละ ไม่รักตัวเอง ไม่รักครอบครัวมั่ง ถุย

วิตามมินส้นตีนกินทีเป็นร้อย เก็บไว้กินเองเลย กุเลยบอกมานเอางี้กุไม่อยากได้ของมึงแต่ถ้าลำบากจริงๆอยากได้ยอดจริงๆกุจะทำทานให้ห้าร้อย ของกุไม่เอา แต่แลกกับการเลิกคบเป็นเพื่อน ต่อไปนี้ไม่รู้จักกัน

แล้วช่วยรีบไปไกลๆตีนเลย ...อี5.....................

ทุกวันนี้ไม่สนใจแระขนาดญาติมาจากต่างจังหวัด พอมันพูดว่าทำแค่นั้นแหละ กุไล่แม่มออกจากบ้านเลย

กุนึกว่ามึงคิดถึงกุ เป็นห่วงกุ หรือมีธุระ แม่มมาเพื่อขายของเหรอ เรวววววววว

ผู้แสดงความคิดเห็น คนโดนตื้อ วันที่ตอบ 2011-04-23 10:58:12


ความคิดเห็นที่ 80 (1421157)

ที่แน่ๆกรุเลิกคบกับพวกขายเอมเวหมดแล้ว ไม่ว่าใครก็ไม่สนใจ จะบอกว่า สิ่งดีๆที่คุณอยากบอกต่อและแนะนำเพื่อเป็นห่วงคนอื่นอ่ะนะ รบกวนจำกัดพื้นที่เฉพาะครอบครัว+ตระกูลมึงนะ ..ถ้าจะให้ดีมึงพาทั้งเง่าเหล่ากอมึงไปสัมนาพร้อมกันเลยนะ ถ้ามันดีจิง มึงต้องไม่พลาดซิ ควายเอ้ย เผื่อสัมนาเสร็จ เช็งเม้งไปเรย 
ไม่อยากเป็นลูกน้อง ไม่อยากรับคำสั่ง หัดทำตัวให้ฉลาด แล้วพัฒนาตัวเองสิ มึงโง่แบบนี้ไงถึงเป็นขี้ข้า คนเรามีอายุทำงานพอๆกัน คนอื่นเขาเป็นบอสเป็นหัวหน้าเป็นเจ้านายกันเยอะแยะ เยอะกว่ามงกุดส้นตีนมึงอีก
อ่านมาเยอะแระ เจอแต่ละคนอวดฉลาดทั้งนั้น  หัดวิเคราะห์ใหม่สิ ว่าเปลือกกับเนื้อแท้คืออะไร มึงเป็นลูกน้องเพราะอะไร เข้าใจว่าอาชีพอื่นมึงไม่มีปัญญาทำ แต่ขอร้องอย่ายุ่งกับคนอื่นเลย อย่างที่บอกเอาแค่ครอบครัวมึงก็พอ ครอบครัวอื่นเขาไม่อยากยุ่งก็ต้องปล่อยเขา ที่พวกมึงๆเขียนมา มึงก็กล่าวว่าคนที่ไม่อยากทำเหมือนนะ แหมฉลาดกันจัง สร้างภาพไปวันๆถุย พวกมึงบูชามันขนาดนี้มันให้อะไรมึง แลกกับการจงรักภักดี ตั้งกลุ่มทำเป้า ขยายฐาน ภาระมึงทั้งนั้น ขายได้กี่บาทถึงได้ไปเมืองนอก ขายได้กี่บาทได้เลื่อนอันดับ รบกวนมึงเช็คดีๆ ต้นทุนขาย+ภาษีนำเข้ามันแค่55% (มันเคยบอกมึงไหม ถ้าเพิ่งรู้ก็นั่นแหละ ออกจากกะลาซะที)พอมันบอกจ่ายให้พวกอีแร้งอย่างมึง21% มึงตาโตเป็นใข่ห่าน เปรียบบิ๊กซี โลตัสฯลฯถุย บรรพบุรุษไม่สอนให้รู้จักคิดเหรอ อะไรถูกอะไรแพง มึงซื้อแพงแลกกับเศษเงินค่าคอม21%(กูคิดว่ามึงได้21%นี่กูให้เกียรติมึงแล้วนะ หรือมึงได้3%) มันก็แค่โรงงานหาที่ปล่อยสินค้านั่นแหละ กรุเห็นมานขายวิตามินซีแด๊กทีละร้อยกว่า เทียบกับขององค์การเภสัชเม็ดละบาทห้าสิบตังค์ ถุยชีวิต คุณภาพบางตัวอาจดีกว่าตามท้องตลาดก็จริง อะกุให้10%ดีกว่าเลยอะ แต่ราคามันแพงกว่า2เท่าจริงรึเปล่าละ แล้วมึงอย่าบอกนะว่าขององค์การเภสัชไม่น่าเชื่อถือ และมันก็ไม่ใช่ว่ากุหรือมึงไม่แดกไม่ใช้แล้วมึงจะตายวันนี้ซะหน่อย พอกรุบอกขอแดกขององการเภสัชเม็ดละบาทต่อไป มันบอก"ตามใจคุณในเมื่อคุณไม่ได้ห่วงสุขภาพของคุณและครอบครัวจริงๆ" ปริ๊ดเลยกรุโตมากรุจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเข้ารพ.ครั้งสุดท้ายมะไหร่ นอน รพ.ก็ไม่เคย กูงงมาก กล้ามกูโตขนาดนี้ โปรตีนมึงก็ไม่เห็นวิเศษตรงไหน ทำจากถั่วเหลืองเวรกำ ห่วยตั้งแต่วัตถุดิบแล้วขายแพงกว่าท้องตลาด2เท่า(ต้นทุนมึงครึ่งเดียวนี่) กูแดกโปรตีนเล่นกล้ามมา5ปีจนบึกขนาดนี้ มึงยังบอกกูไม่ดูแลสุขภาพอีก มานยังหาว่าดูนอกไม่รู้เครื่องในอาจพังแล้ว กูเลยบอกเพื่อนลาก***ตัวนี้ไปให้พ้นตีนกูด่วน ไม่งั้นมันนั่นแหละต้องเข้าโรงบาล
กุก็เด็กบ้านนอกไม่มีทั้งเส้นทั้งสายเริ่มต้นทำงานครั้งแรก เขาไม่รับกูด้วยซ้ำ(คนเต็ม) กูบอกอยากทำ เดือนแรกไม่เอาเงินก็ได้ เขาเลยรับ แต่สิ้นเดือนเขาก็ให้อยู่ดี กูทำงานเลิกหลังเพื่อนทุกวัน เพื่อนกลับ 2 ทุ่มกูกลับเที่ยงคืน อ่านหนังสือศึกษางานที่บ้านอีกวันละสองชั่วโมง นอนเกือบตีสาม ตื่นเจ็ดโมงครึ่ง..ทุกๆวัน1ปีเต็ม  แค่นี้เอง ปีแรกเงินเดือนกูขึ้น 3 ครั้ง พวกรุ่นพี่มองตาปริบๆ
ปีที่สองกูเปิดบริษัทเป็นของตัวเองได้(เพราะมีคนเห็นว่ามีความพยายามและยินดีเป็นทุนให้ ทุนกูก็คืนหมดแล้วแถมกำไรให้เขาด้วย วินวินทั้งคู่) กูเป็นลูกน้องเขาแค่ปีเดียวมึงเห็นยัง ทุกวันนี้ กูก็เป็นเจ้าของจัดการทุกอย่างเอง เซ็นเช็คจ่ายลูกน้องดูแลลูกน้องอย่างดีเพราะรู้ว่าเขาต้องการอะไร(กูเคยเป็นมาก่อนนี่) ส่วนเรื่องที่ว่าถูกโขกสับ มึงทำอะไรผิดเขาถึงโขกสับล่ะ มึงขาดความรับผิดชอบหรือเปล่าล่ะ มึงทำเต็มที่ต่อให้พลาดใครเขาจะว่ามึง
มึงมัวแต่ขายของไร้สาระไง งานการไม่ทำ เขาถึงด่ามึง ลูกน้องกูๆเตือนตั้งแต่ตอนสมัคร มีอาชีพเสริมไหม ถ้ามีกูไม่รับ(ไม่มียกเว้น กูไม่เชื่อว่าไม่กระทบงานและเพื่อนร่วมงาน อย่าตอแหล) พวกมึงไม่ได้เรียนหนังสือไงถึงต้องมาขายของ หรือเรียนก็สู้คนอื่นไม่ได้ต้องมากลับลำตอนแก่ ยิ่งพวกลาออกจากโรงเรียนแล้วมาขายยิ่ง.... เอาเหอะ สุดท้ายกูก็สงสารพวกมึงอยู่ดี
สุดท้ายจะบอกว่ากูก็ลงทุนออกแรงตอนเริ่มทำงาน20ต้นๆแค่ปีเดียวเอง ทุกวันนี้กูอยากมาก็มาไม่อยากมาก็นอนอยู่บ้าน อยากเทียวไหนก็ไป แดกข้าวกับแฟนมื้อละสองสามพันกูก็แดก พาลูกน้องไปกินที่ละหมื่นกูก็เฉยๆ รถก็ไม่เป็นต้องเบ็นซ์ให้เวอ่ร กูซื้อ6-7แสนใช้4ปีกูก็เปลี่ยนแล้ว กูไม่ใช้นานหรอกเสียเวลาเอาไปซ่อม ไม่เห็นต้องไปสร้างความรำคาญให้ใคร ก้อกูพอใจซะอย่าง พวกมึงหัดคิดดีๆ เรียนมากว่าจะจบ มึงพยายามก่อนซิ จะบอกว่ากูเรียนจบปริญญากูไม่ไปรับใบปริญญาด้วยซ้ำ คนแรกในหมู่บ้าน(ที่ต่างจังหวัด)เพราะกูมองว่าชีวิตเพิ่งเริ่มต้น ไม่มีอะไรให้ฉลองซะหน่อย วันพรุ่งนี้มะรืนนี้ต่างหากคือของจริง จะต้องรีบสร้างเนื้อสร้างตัว เรียนจบแล้วก็ต่อยอดซิ แต่ถ้าจบป.ตรีแต่สมองแค่ป.4ก็ตามใจ
มาเพราะรำคาญ อ้อใอ้โทรศัพท์ขายบัตรกับประกันอีกอย่างโครตรำคาญเลยมันผลัดกันโทรทุกปีมากมาย พอกูถามเอาเบอร์กูมาจากไหนมานวางใส่ เวรฉิบ

ผู้แสดงความคิดเห็น เก็บสิ่งดีๆคุณไว้เองเถอะนะ วันที่ตอบ 2011-04-24 00:47:43


ความคิดเห็นที่ 81 (1421348)

คนขายก็จ้องจะขายอย่างเดียวเลย เค๊าไม่ชอบ ไม่อยากกิน ไม่มีกำลังพอในส่วนนี้ ก็อย่าไปว่าเค๊าสิครับ คนทำแอมเวย์ทุกท่าน (รวมทั้งผมด้วย) เราควรให้เกียรติบุคคลรอบข้างนะครับ ทุกคนมีสิทธิ์ที่จะคิดที่จะชอบหรือไม่ชอบ อย่าไปละเมิดสิทธิ์เหล่านั้น ที่คนเกลียดแอมเวย์กันทั่วบ้านทั่วเมืองกันก็เพราะคนที่ทำแอมเวย์ที่นิสัยแบบนี้แหละครับ คุณเคยเจอพวกที่ขายหมูยอ ขายแหนมเข้ามาขายให้คุณมั๊ยครับ คุณรู้สึกยังไง คนที่ไม่ชอบแอมเวย์ก็รุ้สึกอย่างนั้นแหละครับ ใจเขาใจเรานะครับ

การกระทำแบบนี้ไม่ทำให้ภาพลักษณ์ของแอมเวย์ดีขึ้นมาหรอกนครับ ปรับเสียใหม่ เริ่มง่าย ๆ ที่ตัวคุณเองนะครับ

ผู้แสดงความคิดเห็น เก่ง วันที่ตอบ 2011-04-26 13:24:08


ความคิดเห็นที่ 82 (1421598)

คห 49 มึงหัดดูมั่งเขาคุยกันดีๆ มึงรักษาได้ทุกโรคก็ให้เมียมึงดูดของมึงไปเถอะหรือจะดูดให้เมียมึงก็ตามใจ

***จริงมึง

ผู้แสดงความคิดเห็น ชายกลาง (dc08215-at-gmail-dot-com)วันที่ตอบ 2011-04-28 12:01:21


ความคิดเห็นที่ 83 (1422031)

จะแสดงความคิดเห็นกันไปทำไมครับ ผมไม่เข้าใจนะครับว่า ยังไงซะการใช้ชีวิตประจำวันส่วนใหญ่ของพวกเราก็ต้องบริโภคสินค้าจำเป็นพวกนี้อยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นสบู่ ยาสีฟัน น้ำยาล้างจาน ฯลฯ ซึ่งเราก็ต้องไปซื้อเขาใช้อยู่ดีเพราะเราผลิตใช้เองไม่ได้ ซึ่งแต่ละบริษัทก็ผลิตในส่วนผสมของตนเองแล้วก็มาวางขายตามห้างร้าน หรือแหล่งอื่นๆ แล้วมันแปลกตรงไหนที่ Amway ก็เป็นสินค้าอีกตัวนึงที่เพิ่มเข้ามาในตลาด เพียงแต่เป็นสินค้าที่เมื่อเอาไปทดสอบเปรียบเทียบกับสินค้าชนิดเดียวกันกับของยี่ห้ออื่นแล้วผลการทดสอบออกมาแตกต่างกัน ซึ่งโดยส่วนใหญ่สินค้าของ Amway เห็นได้ชัดกว่าในเรื่องของคุณภาพ ซึ่งเราก็มีข้อมูลเพียงพอแล้วว่าอะไรดี อะไรดีกว่า ในฐานะที่เราเป็นผู้บริโภคเราก็ควรเลือกสิ่งที่ดีกับตัวเราเองไม่ใช่เหรอครับ เราจะมาเสียเวลาโจมตีกันทางความคิดเห็น ทางความรู้สึก กันไปเพื่ออะไรครับ สู้เรามาทดสอบเรามาพิสูจน์ว่าอะไรน่าใช้ แล้วเราก็มาพัฒนาวิจารณญาณในการตัดสินใจของเราจะไม่ดีกว่าเหรอครับ เพราะยังไงเราก็ต้องซื้ออยู่แล้ว

ผู้แสดงความคิดเห็น ABO วันที่ตอบ 2011-05-03 09:53:06


ความคิดเห็นที่ 84 (1422066)

อันที่จริง ถ้าคุณเป็นขายตรงยี่ห้องอื่น ก็ไม่ต้องมาโจมตีผลิตภัณฑ์แอมเวย์ เพราะแอมเวย์เป็นเบอร์ 1 ของโลกอยู่แล้วไม่จำเป็นต้องไปเปรียบเทียบกับใคร ไม่มีคู่แข่ง

ผู้แสดงความคิดเห็น เชอร์รี่ วันที่ตอบ 2011-05-03 14:04:24


ความคิดเห็นที่ 85 (1424024)

จะจิงม่ายจิงนั้นต้องคิดเองลองเองคนไทยม่ายโง่หลอกนะ ที่พอจะรู้มานะว่ามี เก้าสิบดินแดนทั่วโลก คิดเอง ถ้าคนส่วนมากของโลกจะโง่นั้ก้ม่ายตกเทรนนักหลอก อย่างว่าคนสำเร็จจะบอกด้ายถึงความล้มเหลวและความสำเร็จ แต่คนม่ายเคยสำเร็จก้ม่ายสามารถบอกได้ทั้งสองอย่าง สงสัยเปงเรื่องดีนะ แต่ต้องรู้จิงๆๆ พูดเรื่องจิง ที่โลกปัจุบันส่าสุดเขาพิสูตมา ม่ายใช่ความรู้เก่าๆๆจะตอบปัญหาเดิมที่พัฒนาแล้วมาตอบนะก้อคิดเองนะ แต่ก่อนม่ายเคยมีอารายปัจจุบันยังมีเพิ่มเลยก้อคิดเอง บอกแล้วคนไทยม่ายโง่นะจะบอกให้หลอกใครตลอดเวลาม่ายด้ายหลอก

ผู้แสดงความคิดเห็น kokoa (kokonut-dot-th-at-hotmail-dot-com)วันที่ตอบ 2011-05-12 10:48:29


ความคิดเห็นที่ 86 (1424136)

*เบื่อพวกขายตรง*
มึงถึงจนไง
555555+

ผู้แสดงความคิดเห็น User วันที่ตอบ 2011-05-13 16:32:55


ความคิดเห็นที่ 87 (1424139)

55555+
สงสารพวกคิดลบเนาะ

ตอนนี้ผมมีชีวิตที่โคตรดีเลยอ่ะ
เขียนแผนไปล่องแพรไปมีความสุขสุดๆ
ไม่ต้องไปอยู่ใน office ไม่ต้องไปโดนใครสั่งอยากทำอะไรก็ทำ
เงินยังมีใช้สบายทุกเดือน
ชีวิตแม่งโคตรสบายเลยยยยย

ผู้แสดงความคิดเห็น Tao Ren วันที่ตอบ 2011-05-13 16:54:52


ความคิดเห็นที่ 88 (1424855)

เป็นคนนึงที่ยอมรับในสินค้าของแอมเวย์

ก่อนหน้านี้เคยแอนตี้ เพราะเรามองว่ามันแพง

ตอนนี้เราท้อง 7 เืดือน กินโปรตีน , อะเซเรอร่าเชอรี่, Active 8, แคลเซียม

ร่างกายแข็งแรงกว่าท้องแรกที่ีไม่ได้กินอาการเสริม

เราตัดสินใจกินอาหารเสริมเพราะลูกคนแรกเป็นภูมิแพ้และร่างกายเราอ่อนแอมาก

ไม่สดชื่น คนท้องจะโทรมมาก บวม เป็นตะคริว ผิวพรรณคล้ำ ไม่สดใส

แต่ท้องนี้เราสุขภาพดีมากๆ โชคดีที่รู้จักแอมเวย์

ราคามันไม่ได้แพงเวอร์ โปรตีนกระปุกนึงกินได้ 45 วัน ราคา 1008

แคลเซียม 250 เม็ด ราคา 858 กินวันละ 2 เม็ดกินได้ 4 เดือน

หากคุณแม่ที่ตั้งครรภ์คิดจะมองหาอาหารเสริมเพื่อเติมเต็มในส่วนที่เราขาด ไม่มีเวลาจัดโภชนาการดูแลลูกในท้องได้ดีพอ

แนะนำว่าต้องดูที่คุณภาพสินค้า ไม่ใช่เอาถูกเข้าว่าแล้วมีสิ่งตกค้าง เป็นอันตราย

ปรึกษาได้นะ 087-6925951 ไม่ว่าลูกของใครก็เป็นอนาคตของชาติไทยเราเหมือนกันจ้า

ผู้แสดงความคิดเห็น แพร (phan90408_1-at-hotmail-dot-com)วันที่ตอบ 2011-05-20 17:40:58


ความคิดเห็นที่ 89 (1425768)

ด่าเถียงกันทำไม?

ประโยชน์อยู่ตรงไหน?

ก้แค่พิสูจน์ว่าใครถูกใครผิด

ถ้ามีเวลามาด่าเถียงกัน เอาเวลาไปทำงานพื้นฐานดีกว่าครับ

ด้วยความปราถนาดี

จาก

Mr. Secret

ผู้แสดงความคิดเห็น Mr. Secret วันที่ตอบ 2011-05-28 17:05:10


ความคิดเห็นที่ 90 (1426803)

 คห 19 

สมองของคุณถูกกระทบกระเทือนรึเปล่าคะ เอ... หรือว่า บนหน้าผากของคุณมีแต่กะโหลกไว้ครอบปิดเฉยๆ 

คุณควรจะเข้าใจนะคะ ไม่มีหมาตัวไหน โง่ถึงขนาดที่ต้องกินแต่วิตามินทั้งวัน ทุกมื้ออาหาร หรือว่าทุกขั่วโมงแทนข้าวกันหรอกนะคะ

คนที่มีสติปัญญาคิดไตร่ตรองดีแล้ว เขาจะไม่พิมหรือว่าสื่อสารออกมาแบบนี้ ให้คนที่พบเห็นเขาอดคิดไม่ได้

ว่านี้มันควายหรือคน เอ...แต่ว่าควายก็ยังฉลาดนะคะ ในอดีตเขาใช้ไถนาเพื่อปลูกข้าวให้คนกิน

แต่นี่จะเป็นตัวอะไรละ ที่มีแต่มวลสารก้อนเนื้อ แต่ไร้ซึ่งไขมันในกะโหลก!!!

อันนี้ไม่ได้เข้าข้างใครนะคะ แต่ว่าพูดตามความเป็นจริง เหลืออดกับคนที่ไร้สติปัญญาสามัญชน

ผู้แสดงความคิดเห็น ไม่ได้อวดฉลาด แค่ขยาดคนโง่!!! วันที่ตอบ 2011-06-06 22:53:34


ความคิดเห็นที่ 91 (1429443)

ชอบความคิดเห็นที่ 48 วะ เพราะว่าใจเย็นเห็นใจเเละทำความเข้าใจเกี่ยวกับการโพสข้อความคิดเห็นเพราะว่าจะต้องมีโจทย์และต่มาก็เป็นการโต้แย้ง แต่ความคิดเห็นที่ 49 ไม่เกิดประโยชน์เปลีองพื้นที่ความคิดเห็น

ผู้แสดงความคิดเห็น หาดใหญ่ (Olunla_yahoo-at-yahoo-dot-com)วันที่ตอบ 2011-06-26 17:31:35


ความคิดเห็นที่ 92 (1429444)

ถูกต้องคนตั้งกระทู้ถ้าไม่มีเงินจะกินก็อย่าโจมตี    อย่าอวดรู้ขนาดหมอเค้ายังกินมีแต่พวกโง่รอไกล้ตายแร้วก็ไปหาหมอหั้ยหมอรวย

ผู้แสดงความคิดเห็น คนฉลาด วันที่ตอบ 2011-06-26 17:37:11


ความคิดเห็นที่ 93 (1429445)

หยาบมาก คุณ คห 49

ผู้แสดงความคิดเห็น 555 วันที่ตอบ 2011-06-26 17:38:30


ความคิดเห็นที่ 94 (1432991)

ก็แค่ธุรกิจอย่างหนึ่ง ที่มีในสังคม ใครก็รู้ก็เห็น ถ้ามันจะเสียหายมากนักก็อย่ามาสนใจใน Amway เวลาเขามาก็ไม่ต้องสนเข้าห้องล็อคนอนไปเลย อย่างน้อยเขาก็ไม่ได้ เอายาบ้า ยาอี สารพัดที่มีในในสังคมวันนี้ ทำไมไม่เอาอคติที่มีไปด่าพวกขายยาบ้าบ้างหล่ะ (ไม่กล้า ฮึ ) คนทำAmway หรืออะไรก็แล้วแต่ ก็คงไม่ทำให้สังคมแย่ไปหรอกน๊ะ บางครั็งเด็กที่ไม่ดีอาจกลับตัวมามีความกระตือรือร้น ไม่ดีเหรอครับ

ผู้แสดงความคิดเห็น อะไรกันนักกันหนา วันที่ตอบ 2011-07-07 23:01:32


ความคิดเห็นที่ 95 (1433353)

นักวิทยาศาสตร์เก่งๆมีเฉพาะ aw เท่านั้นหรือถึงได้คิดค้นสินค้าทุกอย่างเหนือกว่าบริษัทอื่นเขาดูการสาธิตสินค้าแต่ละอย่างขั้นเทพทั้งนั้น

ถามว่าทำไมบริษัทอื่นเขาไม่สามารถหานักวิทยาศาสตร์เก่งๆที่จะผลิตสินค้าที่มีคุณภาพเท่่าเทียม aw ได้เป็นไปได้หรือว่า aw คือเทพเจ้า

ถามว่าทำไม aw ถึงได้นำสินค้าที่กระจอกๆมาขายเช่น ดัชมิลล์ ยูนิฟ น้ำมันพืช และอื่นๆในท้องตลาดมาขาย แปลว่าสินค้าพวกนี้ขั้นเทพใช่หรือไม่

ผู้บริโภคผู้ฉลาดจริง ไม่ใช่โง่อวดฉลาด คุณยังจะจ่ายแพงให้พวกมะกันกับพวกขายตรงยักยอกเงินส่วนเกินคุณไปอีกหรือ

ผู้แสดงความคิดเห็น วิโรจน์ วันที่ตอบ 2011-07-10 07:52:57


ความคิดเห็นที่ 96 (1435774)

เค้าไม่ได้บอกให้เลิกกินผักผลไม้ซะหน่อย ก็บอกอยู่ว่าอาหารเสริม คุณจะไม่กินก็ช่างคุณซิแอมเวย์ไม่ได้บังคับซะหน่อย ที่แนะนำให้กินเพราะดีต่อสุขภาพ คุณไม่รักสุขภาพ ไม่กินก็ช่างตัวคุณซิ จะคิดว่ากินแต่ผักผลไม้ก็ได้วิตตามิน ก็แล้วแต่คุณ คุณก็กินไป   ดีเนอะได้ทั้งวิตตามิน ได้ทั้งสารเคมี จากยาฆ่าแมลง ก็แล้วแต่คุณคนอื่นเค้าซื้อกินคุณไปเดือดร้อนกะเค้าทำไม ไม่ได้ขอเงินคุณซื้อซะหน่อย

ผู้แสดงความคิดเห็น กบนอกกะลา คนมีความคิด วันที่ตอบ 2011-07-26 12:11:34


ความคิดเห็นที่ 97 (1436346)

ไอ้พวกหน้าหี ไม่ศึกษาก่อน ค่อยไปโจมตีเขา ไร้จริตสิ้นดี

ผู้แสดงความคิดเห็น กาหนาฉ่าย วันที่ตอบ 2011-07-29 19:22:21


ความคิดเห็นที่ 98 (1438617)

สงสารคุณ49จังทำอะไรไม่ได้เผยธาตุแท้ตัวเองออกมาเลย

ผู้แสดงความคิดเห็น gee วันที่ตอบ 2011-08-12 13:23:32


ความคิดเห็นที่ 99 (1438828)

Amway ดีมากค่ะ โดยเฉพาะผงซักฟอก ไม่ค้องการอธิบายมากค่ะ  ต้องลองเองแล้วจะร้ค่ะ

ตอนนี้ดิฉันใช้ผงซักฟอก amway คลอดเลยค่ะ 

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น คนรัก Amway วันที่ตอบ 2011-08-13 22:46:22


ความคิดเห็นที่ 100 (1439408)

 ต่างคนต่างคิด  

ถ้าสิ่งไหนไม่รู้จิง อย่ามาพูดดีก่า  ถ้าของแอมเวย์ไม่ดีจิง คงไม่มาเปิดในไทยได้ 20กว่าปีหรอ มียอดขายเปงล้าน ๆ  มีสมาชิกมากมาย คนที่ไม่คิดว่าจะทำแอมเวย์แต่กับทำมีเยอะไป แอมเวย์ให้โอกาสคน  ถ้าคนที่ทำไม่ได้ ก้อเพราะเค้าไม่พยายาม  ก่อนที่คุนเข้าทำงานได้ คุงยังต้องไปหาที่ทำงาน ยื่นใบสมัคร รอเรียกสัมภาษณ์ รอ ทางนั้นตัดสินใจว่าจะรับหรือเปล่า และระหว่างที่รอ คุงยังต้องไปสมัครทิ้งไว้หลาย ๆ ที่  แอมเวย์ก้อเหมือนกัน ถ้าคุนขยัน ภายในไปกี่ปี ก้อสำเร็จ  ขนาดหมอ ที่มีหน้าที่การงานดีก่าคนหลาย ๆ คน เงินเดือนเป็นหมื่น ยัง มาทำแอมเวย์ เพราะเค้ามองเหงโอกาส  เลยทำ  คนที่ทำแอมเวย์ไม่สำเร็จมีเยอะเหมือนกาน  แต่รองถามคนที่ทำดูว่า เค้าทำตามที่แอมเวย์ได้ให้คำแนะนำหรือป่าว  พวกที่ซื้อของมาเยอะ เพื่อกินเปอเซนแอมเวย์ก้อมีแล้วมาพูดว่า ทำแอมเวย์มรแต่หมดตัว  มองตัวคุนดูสิว่าทำถูกวิธีหรือป่าว  และพวกที่ชอบตื้อให้คนซื้อ แอมเวย์ก้อได้ให้ไปตื้อให้ลูกค้าซื้อ  ลองไปดูหนังสือคู่มือที่แอมเวย์ให่มาตอนที่สมัครเปงนักธุรกิจดู อ่านดูสะ ทุกหน้าเลย แอมเวย์ไม่ได้บอกให้ซื้อของตุนไว้เลย  ไปศึกษาวิธีทามดูให้ละเอียดเลย   ทำไมมีคนทำได้มาก มาย ลองคิดดู ไม่มีสิ่งไหนที่ทำให้รวยภายในเวลามข้ามคืนหรอก  ต้องพยายาม เท่านั้น  

ผู้แสดงความคิดเห็น แอม วันที่ตอบ 2011-08-16 19:08:16



<< ก่อนหน้า 1 [2] 3 4 5 6 7 ถัดไป >>


แสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็น *
ผู้แสดงความคิดเห็น  *
อีเมล 
ไม่ต้องการให้แสดงอีเมล



Copyright © 2010 All Rights Reserved.